Logistics Viewpoint
Green Port กับทิศทางการพัฒนาของท่าเรือกรุงเทพ:
การถอดบทเรียนจากการศึกษาดูงาน Shekou Container Terminal (SCT)
บริษัท Modern Terminals Limited (MTL) เขตปกครองพิเศษฮ่องกง
รองศาสตราจารย์ ดร. ทวีศักดิ์ เทพพิทักษ์
ศูนย์วิจัยโลจิสติกส์และการจัดการ มหาวิทยาลัยบูรพา
E-mail : taweesak99@hotmail.com
1. บทนำ
แม้ว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งผมควรจะได้พักผ่อน แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าท่านบรรณาธิการวารสาร LogisticsMax (ชื่อเดิมคือ FreightMax) ให้รีบส่งต้นฉบับภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2558 นี้ ขณะที่กำลังนั่งก้มๆเงยๆอยู่ว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี โดยมีคอนเซปส์ว่าต้องเป็นเรื่องใหม่และเกี่ยวกับธุรกิจโลจิสติกส์และมีกลิ่นอายในการเล่าระหว่างประเทศ หลังจากนั่งนึกสักพักก็ตัดสินใจเล่าเรื่องเกี่ยวกับการพาผู้บริหารของการท่าเรือแห่งประเทศไทยและท่าเรือกรุงเทพไปศึกษาดูงานท่าเรือชั้นนำของเมืองเสินเจิ้นและท่าเรือที่ฮ่องกง เหตุผลเพราะเพิ่งไปมาและผมยังพอจำเค้าลางได้น่ะครับ นึกซะว่ากลับมาเล่าให้ท่านๆ ฟังถึงพัฒนาการของท่าเรือเหล่านี้ เพราะแม้ว่าจีนจะคงความเป็นประเทศโดยตั้งสโลแกนว่า หนึ่งประเทศสองระบบ ก็ตาม แต่พอข้ามแดนไปอีกฝั่งหนึ่ง เหมือนอยู่กันคนละประเทศเลยครับ การไปศึกษาดูงานครั้งนี้ ก็ไปกันวันที่ 20-24 กรกฎาคม 2558 ไปกันประมาณ 28 ท่าน ซึ่งการดูงานแบบนี้ถ้าตั้งใจไปศึกษาดูงานจริงๆ และได้ไกด์วิชาการที่ทำการบ้านดีๆ หน่อย บรรยายพร้อมกับมีบทวิเคราะห์ให้ด้วยก็จะดีมาก ผมว่าผู้ร่วมเดินทางจะได้รับความรู้ความเข้าใจเยอะนะครับ ไม่ใช่ว่าไปดูๆ ฟังทางฝั่งท่าเรือเค้าบรรยาย ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แล้วก็กลับโรงแรมที่พัก อืม ขอโทษนะครับ ลืมตัวบ่นไปหน่อย ว่าจะเขียนเล่าเรื่องราว ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ
เมื่อวันอังคารที่ 21 กรกฎาคม 2558 เวลา 0900-1130 น. คณะที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยบูรพาได้พาคณะผู้บริหารและพนักงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทยไปศึกษาดูงานที่บริษัท Shekou Container Terminal (SCT) ณ เขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน โดยการเยี่ยมชมและศึกษาดูงานท่าเทียบเรือของบริษัท Shekou (อ่านว่าซือโคว) Container Terminals Ltd. (SCT) บริษัท SCT ตั้งขึ้นในปี 1989 ตั้งอยู่ในจังหวัดกวางเจา อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น เมืองหนานชาง ทั้งนี้บริษัท SCTเป็นผู้ให้บริการท่าเทียบเรือระหว่างประเทศของทะเลจีนใต้และเป็นท่าเทียบเรือคอนเทนเนอร์แรกในเซินเจิ้นโดยมีทำเลที่ตั้งเหมาะสมในการรับสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมโดยรอบ ซึ่งมีการขนส่งผ่านเรือบาร์จมาลงที่ SCT ก่อนที่จะมีการบรรทุกลงเรือเพื่อกระจายไปยังท่าเรือต่างๆมากกว่า 180 ประเทศ SCT ได้มีการร่วมทุนกับจีนแผ่นดินใหญ่โดยมีบริษัท China Merchants Holdings (International) Company Limited (CMHI), เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งรองรับการเติบโตและการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน
จำนวนท่าเทียบเรือสินค้า | 9 |
จำนวนท่าเทียบเรือบาร์จ | 5 |
พื้นที่ทั้งหมด (Hectare) | 138 |
ความยาวของท่าเทียบเรือ (เมตร) | 3440+650 |
ความลึกของท่าเทียบเรือ (เมตร) | -16 |
จำนวนเครนหน้าท่า (ตัว) | 33 |
จำนวน RTG (ตัว) | 89 |
จำนวน RMG(ตัว) | 16 |
รูปที่ 1 ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับท่าเทียบเรือ SCT
ในปัจจุบัน SCT มีการดำเนินงานใน 9 ท่าเทียบเรือตู้สินค้าและ 5 ท่าเทียบเรือบาร์จ มีความสามารถในการขนถ่ายสินค้าประมาณ 6.5 ล้านทีอียู โดยมีเรือสินค้ามากกว่า 90 เที่ยวเรือต่อสัปดาห์ที่เข้ามาใช้บริการกับ SCT ซึ่งจะกระจายสินค้าต่อไปยัง 180 ท่าเรือทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ประเทศกลุ่มเมอดิเตอเรเนียน อาเซียน เอเชียเหนือ ออสเตรเลียและแอฟริกา SCT ได้วางตำแหน่งของท่าเรือของตนในการเป็นศูนย์กลางของท่าเรือขนสินค้าถ่ายลำและการบริหารพื้นที่หลังท่าที่สำคัญของทะเลจีนใต้ ในปัจจุบันมีสายเรือชั้นนำระดับโลกที่เข้ามาใช้บริการกับท่าเรือมากกว่า 30 บริษัทสายการเดินเรือ
รูปที่ 2 สภาพพื้นที่ของท่าเทียบเรือตู้สินค้าที่ 1 -9 และท่าเทียบเรือบาร์จที่ 1-5
รูปที่ 2 แสดงสภาพพื้นที่ของท่าเทียบเรือตู้สินค้าที่ 1 -9 และท่าเทียบเรือบาร์จที่ 1-5 โดยพบว่าบริษัท SCT มีการดำเนินงานท่าเทียบเรือตั้งแต่ท่าเทียบเรือสินค้าตั้งแต่ท่าเทียบเรือที่ 1-9 โดยมีการเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจและการค้าโลก ขณะที่ท่าเทียบเรือบาร์จมีไว้เพื่อตามเก็บสินค้าตามพื้นที่ซึ่งเรือสินค้าขนาดใหญ่หรือการขนส่งทางบกไม่สะดวกหรือไม่สามารถเข้าถึงสภาพพื้นที่ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆได้ ซึ่งจะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการรวบรวมสินค้าได้ดียิ่งขึ้น
รูปที 3 ภาพถ่ายทางอากาศสภาพพื้นที่ท่าเทียบเรือตู้สินค้าที่ 1 -9 และท่าเทียบเรือบาร์จที่ 1-5
รูปที 3 แสดงภาพถ่ายทางอากาศสภาพพื้นที่ท่าเทียบเรือตู้สินค้าที่ 1 -9 และท่าเทียบเรือบาร์จที่ 1-5 จากสภาพพื้นที่ของ Shekou Container Terminals (SCT) นั้นจะเหมือนกับรูปปากของงู ดังนั้นจึงเป็นที่มาของชื่อท่าเทียบเรือโดย Shekou แปลว่า Snake’s Mount ท่าเทียบเรือดังกล่าวจะมีการนำระบบการบริหารจัดการ Truck ที่จะเข้ามารับขนส่งสินค้าภายในพื้นที่ท่าเรือมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งระบบการจัดคิวรถและประตูทางเข้าและทางออกของรถหัวลากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตารางที่ 1 สถิติสินค้าผ่านลำของท่าเทียบเรือ SCT และท่าเรือเซินเจิ้น
Year | SCT ( TEU ) | Shenzhen Port ( TEU ) | Shenzhen Banking in China | Shenzhen Global Ranking |
1991 | 3697 | 51000 | 8 | |
1992 | 51278 | 109000 | 7 | |
1993 | 67027 | 128000 | 8 | |
1994 | 87111 | 179000 | 8 | |
1995 | 89549 | 284000 | 7 | |
1996 | 89881 | 589000 | 4 | |
1997 | 213745 | 1148000 | 2 | 35 |
1998 | 463057 | 1952000 | 2 | 17 |
1999 | 574448 | 2978000 | 2 | 11 |
2000 | 720324 | 3993000 | 2 | 11 |
2001 | 750689 | 5076000 | 2 | 8 |
2002 | 883572 | 7614000 | 2 | 6 |
2003 | 1527361 | 10652000 | 2 | 4 |
2004 | 2241173 | 13655000 | 2 | 4 |
2005 | 2663700 | 16197173 | 2 | 4 |
2006 | 2582789 | 18468900 | 2 | 4 |
2007 | 3311580 | 21099169 | 2 | 4 |
2008 | 4106680 | 21413888 | 2 | 4 |
2010 | 3980169 | 22490000 | 2 | 4 |
2011 | 4077650 | 22570754 | 2 | 4 |
2012 | 4516000 | 22806000 | 2 | 4 |
2013 | 4279464 | 23277900 | 2 | 3 |
2014 | 5065753 | 24037326 | 2 | 3 |
ที่มา : Shekou Container Terminals Ltd., 2558
ตารางที่ 1 แสดงสถิติของสินค้าผ่านลำของท่าเทียบเรือ SCT และท่าเรือเซินเจิ้น โดยพบว่าตั้งแต่ปี 2005 ปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าของท่าเทียบเรือ SCT มีปริมาณการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2005 SCT มีตู้สินค้าผ่านท่า 2,663,700 ทีอียู ขณะที่ท่าเรือทั้งสามแห่งในเซินเจิ้นมีปริมาณตู้ผ่านท่าจำนวน 16,197,173 ทีอียู อยู่ในลำดับที่ 2 ของเซินเจิ้นและอันดับที่ 4 ของโลก ในปี 2014 SCT มีตู้สินค้าผ่านท่า 5,065,753 ทีอียู ขณะที่ท่าเรือทั้งสามแห่งในเซินเจิ้นมีปริมาณตู้ผ่านท่าจำนวน 24,037,326 ทีอียู โดยอยู่ในลำดับที่ 2 ของเซินเจิ้นและอันดับที่ 3 ของโลก
ในปัจจุบัน SCT ได้มีการพัฒนาท่าเรือของตนเพื่อกลายเป็นท่าเรือสีเขียวหรือท่าเรือที่มีคาร์บอนต่ำ ของจีนแผ่นดินใหญ่ โดยได้นำระดับ ISO 14001 มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการท่าเทียบเรือและริเริ่มการนำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการประหยัดพลังงาน ซึ่งได้มีการใช้อุปกรณ์ในการขนย้ายและเครื่องมือหนัก อาทิ electrifying RTG รวมทั้งการนำระบบ IT ที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการให้บริการกับลูกค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับการให้บริการของท่าเรือ เป็นต้น
2. การศึกษาดูงานบริษัท Modern Terminals Limited (MTL) เขตปกครองพิเศษฮ่องกง
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2558 เวลา 0900-1200 น คณะที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยบูรพาได้พาคณะผู้บริหารและพนักงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทยและท่าเรือกรุงเทพไปศึกษาดูงานที่บริษัท Modern Terminals จำกัดซึ่งดำเนินธุรกิจท่าเทียบเรือ ณ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน โดยกัปตันฟง (Captain Fung) และกัปตันสุเทพ ตัวแทนจากบริษัท RCL ประจำฮ่องกงได้มารับที่โรงแรมคิมเบอรีเพื่อเดินทางมาถึงยังท่าเทียบเรือเวลา 0900 น หลังจากนั้นได้เข้ารับชมวีดีทัศน์แนะนำบริษัท ก่อนที่จะพาเดินขึ้นไปชม Controlling Tower ซึ่งเป็นห้องคอนโทรลรูมสำหรับการปฏิบัติงานของท่าเทียบเรือทั้งหมด เมื่อเสร็จสิ้นจากการเยี่ยมชมห้องคอนโทรล ก็ได้ลงมาชั้นล่างเพื่อมอบของที่ระลึกและถ่ายรูปร่วมกันระหว่างผู้บริหารของการท่าเรือแห่งประเทศไทยและท่าเทียบเรือ ก่อนที่จะนั่งรถบัสไปเยี่ยมชมท่าเทียบเรือหมายเลข 1, 2, 5 (ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือที่ใช้รับเรือ Intra-Asia หรือขนาดประมาณ 4,000-5,000 ทีอียู) และหมายเลข 9 (ซึ่งใช้รับเรือขนาดใหญ่ ประมาณ 18,000 ทีอียู) และหลังจากนั้นก็ได้เดินทางกลับมาที่สำนักงานเพื่อเยี่ยมชมสถานีให้บริการบรรจุสินค้าและคลังสินค้า จนถึงเวลาเที่ยง จึงเสร็จสิ้นภารกิจการศึกษาดูงานในครั้งนี้
รูปที่ 4 ลักษณะทางกายภาพของท่าเทียบเรือ Modern Terminals Limited (MTL)
จากลักษณะทางกายภาพของท่าเทียบเรือ Modern Terminals Limited (MTL) จะมีพื้นที่โดยรวมเท่ากับ 92.61 เฮกเตอร์ (หรือ 228.75 เอเคอร์) และมีความยาวหน้าท่า 2,432 เมตร (7,979 ฟุต) อัตรากินน้ำลึก 15.5 เมตร มีท่าเทียบเรือจำนวน 7 ท่า พื้นรองลานวางตู้รองรับได้ 85,000 ทีอียู และมีความสามารถในการรองรับตู้สินค้ามากกว่า 7,000,000 ทีอียู นอกจากนี้ ท่าเทียบเรือ MLT จะมีเครนหน้าท่าจำนวน 30 ตัว และมี RTG เป็นแบบไฮบริดจำนวน 7 ตัวและแบบไฟฟ้าจำนวน 94 ตัว และเครนที่ใช้กับสินค้าน้ำหนักเบาจำนวน 2 ตัว มีพื้นที่ของสถานีให้บริการบรรจุและจัดเก็บสินค้าจำนวน 569 ตารางเมตร คลังสินค้าจำนวน 102,928 ตารางเมตรและปลั๊กในการให้บริการจ่ายไฟฟ้าจำนวน 3,480 จุด
ในการดำเนินการตามปกติของท่าเทียบเรือ MTL ผู้ใช้บริการอาทิ ตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าหรือตัวแทนเรือจะทำการบรรจุตู้สินค้าในกรณีที่เป็นตู้สินค้าแบบเจ้าของเดียวหรือ FCL (Full Container Loaded) มาจากโรงงานหรืออาจจะทำการบรรจุแบบหลายเจ้าของ LCL (Less Than Container Loaded) ซึ่งอาจจะบรรจุจากภายนอกเขตท่าเรือหรือภายในเขตท่าเรือก็ได้ ซึ่งจากการสัมภาษณ์พบว่า สินค้ามากกว่าร้อยละ 99 ที่มีการนำเข้า-ส่งออกจะไม่มีการเรียกเปิดตู้สินค้า ยกเว้นว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะได้รับข้อมูลเชิงลับว่ามีการลักลอบขนสินค้าหนีภาษีหรือสิ่งผิดกฎหมาย โดยเจ้าของสินค้าจะทำการลงทะเบียนได้จากอินเตอร์เน็ตผ่านหน่วยงานที่ชื่อ Electronic Business System (EBS) ซึ่งจะเชื่อมโยงหน่วยงานศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและด่านกักกันโรค ซึ่งจะทำงานเชื่อมโยงโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิคในรูปแบบของ One Stop Service เมื่อเจ้าของสินค้าได้ลงทะเบียนแล้วข้อมูลจะส่งผ่านไปยังหน่วยงานต่างๆ หลังจากนั้น เจ้าของสินค้าก็ดำเนินการขนส่งตู้สินค้าไปยังพื้นที่ท่าเรือเพื่อรอเรือสินค้ามารับสินค้าไป ทั้งนี้ในการจะขนส่งสินค้าเข้าท่านั้น เจ้าของสินค้าจะต้องแจ้งข้อมูลของตนไปยังผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ โดยศูนย์ควบคุม (Controlling Tower) จะทำการประมวลผลและดำเนินการบริหารจัดการตู้สินค้าเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ประเด็นที่น่าสนใจคือการทำงานของท่าเรือเทียบ MTL จะเน้นระบบการบริหารจัดการเข้ามากำกับดูแล และควบคุมการบริหารจัดการตู้ อีกทั้งได้มีการใช้เทคโนโลยีชั้นนำมาช่วยในการขนถ่ายสินค้า อาทิ E-RTG หรือ Hybrid-RTG และเครื่องมือทุ่นแรงพลังงานไฟฟ้า กล้อง CCTV ประสิทธิภาพสูง โปรแกรมควบคุมสินค้าและตู้สินค้า เป็นต้น นอกจากนี้ ท่าเรือเทียบ MTL ยังให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นท่าเรือสีเขียว (Green Port) โดยมีการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ลดพลังงาน อาทิ พลังงานไฟฟ้า หรือไฮบริด เป็นต้น มีการกระตุ้นและรณรงค์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14001 ขณะที่เกาะฮ่องกงจะมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาและมีพื้นที่เศรษฐกิจข้างเคียงอาทิ เกาลูน เซินเจิ้น นิวเทอริทอรี เป็นต้น ดังนั้นเพื่อให้การรวบรวมตู้สินค้าเป็นไปอย่างเหมาะสมกับพื้นที่และมีประสิทธิภาพ รูปแบบของรวบรวมตู้สินค้าตามพื้นที่เกาะแก่งต่างๆ นั้น ท่าเรือเทียบ MTL ได้มีท่าเทียบเรือบาร์จ ซึ่งจะทำการรวบรวมตู้สินค้าตามพื้นที่ต่าง ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วนของสินค้าที่ขนส่งโดยรถหัวลากและเรือบาร์จคือเป็นร้อยละ 70:30 ตามลำดับ
ขณะที่ท่าเรือเทียบ MTL จะมีการขนส่งสินค้าในรูปแบบของ Transhipment ในสัดส่วนร้อยละ 40 สำหรับพนักงานขับรถหัวลากหรือเครื่องมือทุ่นแรงนั้น ท่าเรือเทียบ MTL จะใช้นโยบาย 50:50 กล่าวคือจะใช้พนักงานประจำของตนร้อยละ 50 และจ้างผู้รับเหมาหรือพนักงานภายนอก (Sub-Contractor) อีกร้อยละ 50 เนื่องจากการพยากรณ์พบว่าปริมาณสินค้าที่เข้ามาใช้บริการที่แน่นอนประมาณ ร้อยละ 50 ส่วนอีกร้อยละ 50 มีการแกว่งตัวไปมา เมื่อมีอุปสงค์ลดลงก็ไม่ต้องมีต้นทุนในส่วนนี้ แต่ถ้ามีอุปสงค์เพิ่มมากขึ้นก็ติดต่อไปยังผู้รับเหมาภายนอกให้เข้ามาทำงานเป็นต้น ในส่วนของสถานีให้บริการบรรจุและจัดเก็บสินค้า รวมทั้งคลังสินค้านั้น เนื่องจากท่าเรือเทียบ MTL เป็นเจ้าของอาคารเอง พื้นที่ชั้นที่ 1 จึงให้ผู้ประกอบการเอกชนเช่าเพื่อดำเนินกิจการบรรจุตู้สินค้าและจัดเก็บสินค้าทั้งขาเข้า-ขาออก โดยจากการสำรวจพบว่าผู้ประกอบการหลายรายมีการเช่าพื้นที่ชั้น 1 ของอาคาร MTL ดำเนินการอยู่ ส่วนชั้น 2 ขึ้นไป มีการใช้สอยเป็นพื้นที่สำนักงานและให้เช่าเป็นสำนักงาน