Interview
To be prepared for trading along the Andaman coast, Port Authority of Thailand and NCL are planning to upgrade sea logistics
เปิดประตูการค้าฝั่งทะเลอันดามัน กทท.จับมือ NCL ยกระดับขนส่งสินค้าทางน้ำ
ปูพรมทางเดินเรือแห่งใหม่ ระนอง-ย่างกุ้ง
ท่าเรือระนอง “ประตูการค้าฝั่งทะเลอันดามัน” กทท. มุ่งเปิดประตูเศรษฐกิจสู่เมียนมาร์ ด้วยท่าเรือระนอง เปิดเส้นทางเดินเรือตู้สินค้าแห่งแรกอย่างเป็นทางการ “ท่าเรือระนอง-ย่างกุ้ง ” หวังเป็นเส้นทางขนส่งหลักฝั่งอันดามัน เชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในกลุ่ม BIMSTEC พร้อมรองรับเศรษฐกิจประเทศเมียนมาร์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
จากการที่เศรษฐกิจประเทศเมียนมาร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีโอกาสทางการค้าสูงมาก ด้วยเหตุนี้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จึงได้จับมือกับ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดบริการเส้นทางเดินเรือประจำระหว่างท่าเรือระนองกับท่าเรือย่างกุ้ง สำหรับการเชื่อมโยงธุรกิจการค้า การลงทุนระหว่างกัน ซึ่งขนส่งสินค้าทางน้ำแห่งใหม่นี้จะช่วยย่นระยะเวลาในการขนส่งสินค้าเหลือเพียง 3 – 4 วัน จากเดิมที่ต้องใช้เวลาในการขนส่ง 14 – 21 วัน เชื่อว่าท่าเรือระนองจะเป็นท่าเรือที่มีศักยภาพ เป็นประตูการค้าฝั่งทะเลอันดามันได้อย่างแน่นอน
เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ แสดงทรรศนะในการบริหารงานว่า ท่าเรือระนองมีศักยภาพและมีความพร้อมรองรับสินค้า ได้มากขึ้น เนื่องจากขณะนี้การค้าระหว่างไทยและพม่ามีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งการขนส่งผ่านท่าเรือระนองจะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์และลดต้นทุนการขนส่ง จากเดิมที่ใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 14-21 วัน ลดเหลือเพียง 3 – 4 วันเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งมีความพร้อมมากขึ้น ส่งผลให้มีลูกค้าสนใจเข้ามาใช้บริการ นับว่าท่าเรือระนองเป็นท่าเรือที่มีโอกาสและพร้อมที่จะเป็นประตูการค้าฝั่งทะเล อันดามัน
การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้มีการเปิดบริการเส้นทางเดินเรือประจำระหว่างท่าเรือระนองกับท่าเรือ ย่างกุ้ง สำหรับการเชื่อมโยงธุรกิจการค้า การลงทุนระหว่างกันในการใช้ท่าเรือ บริการ และสิ่งอำนวย ความสะดวกต่างๆ ผ่านท่าเรือระนอง เพื่อขนส่งตู้สินค้าไปยังท่าเรือ AIPT1 (Ahlone International Port Terminal 1) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีระยะเวลา 1 ปี ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว และลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า อีกทั้ง ยังเป็นการเชื่อมโยงเส้นทางการค้าทางฝั่งทะเลอันดามันอีกด้วย จากที่เปิดให้บริการพบว่ามีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นับว่าท่าเรือระนองเป็นท่าเรือที่น่าจับตามองมากที่สุดในขณะนี้
สำหรับการเปิดให้บริการเส้นทางการขนส่งทางน้ำนั้น บริษัท เอ็นซีแอลฯ จะนำเรือตู้สินค้าชื่อ Munich Trader ซึ่งเป็นเรือที่เช่ามาจากประเทศสิงคโปร์ มีขีดความสามารถในการบรรทุกตู้สินค้าได้ไม่เกิน 12,000 DWT. มีความยาว 147 เมตร กินน้ำลึก 7.5 เมตร เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือระนอง โดย กทท. ได้ให้สิทธิในการนำเรือตู้สินค้าเข้าเทียบท่าในลักษณะ Priority Berth ประมาณ 4 เที่ยวต่อเดือน และคาดว่าจะมีปริมาณ ตู้สินค้าผ่านท่าเรือระนองไม่น้อยกว่า 6,000 ทีอียู.ต่อปี ซึ่งประเภทของสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นวัสดุก่อสร้าง ใช้เวลาในการเดินทางจาก ICD ลาดกระบังมาท่าเรือระนอง และจากท่าเรือระนองไปยังท่าเรือ AIPT1 เพียง 3 – 4 วันเท่านั้น
เรือโท กมลศักดิ์ฯ กล่าวเสริมว่า ท่าเรือระนองได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกในการให้บริการ ได้แก่ ปั้นจั่นหน้าท่าล้อยางขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Mobile Harbor Crane) 1 คัน รถหัวลากพ่วงตู้สินค้า 6 คัน รถยกตู้สินค้าหนัก 2 คัน รถยกตู้เปล่า 1 คัน รถยกขนาดต่างๆ โรงพักสินค้า ลานวางตู้สินค้า 11,000 ตารางเมตร เครื่องชั่งน้ำหนัก และเครื่อง X-RAY เคลื่อนที่ เพื่อรองรับการขนส่งระบบตู้สินค้าอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ และในอนาคตหากมีปริมาณตู้สินค้าเพิ่มขึ้น ท่าเรือระนองก็จะเพิ่มศักยภาพในการขนส่ง ขนถ่ายตู้สินค้า โดยการจัดหาปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่า รถยกตู้สินค้าหนักมาให้บริการเพิ่ม เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าต่อไป ซึ่งในอนาคตหากปริมาณตู้สินค้าเพิ่มขึ้น การท่าเรือฯ จะมีแผนการสร้างลานวางตู้สินค้าบนพื้นที่ประมาณ 29,000 ตารางเมตร สามารถรองรับตู้สินค้าได้ถึง 3,000 ตู้ รวมทั้งสร้างอาคาร One Stop Service เป็นศูนย์ให้บริการเบ็ดเสร็จในจุดเดียวอีกด้วย
“การบริการในเส้นทางดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ใช้บริการเกิดความเชื่อมั่นและเพิ่มการค้า การลงทุน มากขึ้น เนื่องจากสามารถให้บริการแบบ Regular Service เป็นครั้งแรก คือมีการกำหนดตารางเดินเรือประจำ สัปดาห์ละ 1 เที่ยว มีคุณภาพบริการระดับ Premium ช่วยลดเวลาในการขนส่ง (Transit Time) และต้นทุนในการขนส่งโดยรวม” รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ กล่าว
ท่าเรือระนองท่าเรือหลักขนส่งสินค้าฝั่งอันดามัน
ประตูเศรษฐกิจของภาคใต้-โอกาสธุรกิจผู้ประกอบการ
จุดแข็งสำคัญสำหรับท่าเรือระนอง นอกจากจะตั้งอยู่บนเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจแล้ว ยังสามารถลดระยะเวลาในการขนส่ง (Transit time) และต้นทุนในการขนส่งโดยรวม ส่งผลให้ท่าเรือระนองเป็นท่าเรือหลักในการขนส่งสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามันของไทยและประตูเศรษฐกิจของภาคใต้เพื่อเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสทางการค้าสูงมาก ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าอีกด้วย
“ท่าเรือระนอง” ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำกระบุรี ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง เป็นท่าเรือน้ำลึกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดทางทะเลฝั่งอันดามันของไทย และมีท่าเทียบเรือที่สามารถรองรับเรือตู้สินค้าขนาดไม่เกิน 12,000 เดดเวทตัน ซึ่งจะกลายเป็นประตูเศรษฐกิจสำคัญของไทย โดยเป็นฐานการขนส่งหลัก และกระจายตู้สินค้าทางทะเลฝั่งอันดามันผ่านท่าเรือระนอง ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเปิดเส้นทางเดินเรือแบบ Direct Service ไปที่นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ ในระยะแรก และกลุ่มประเทศ BIMSTEC ในโอกาสต่อไป
ผลการดำเนินงานท่าเรือระนอง ในปีงบประมาณ 2557 ท่าเรือระนองมีรายได้รวมทั้งสิ้นประมาณ 34.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.58 เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2546 (23.93 ล้านบาท) เนื่องจากมีผู้ประกอบการบริษัทสำรวจขุดเจาะและผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวเมาะตะมะ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ มีข้อตกลงการใช้บริการท่าเรือระนองเป็นฐานสนับสนุนหลักให้บริการ บริษัทสำรวจขุดเจาะและผลิตปิโตรเลียม โดยชำระค่าบริการล่วงหน้ากับท่าเรือระนองเป็นรายปี (ระยะเวลา 3 ปี) และมีเรือสนับสนุนที่สนับสนุนการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในอ่าวเมาะตะมะมาใช้บริการเพิ่มขึ้น
จากการที่บริษัท เอ็น ซี แอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการโลจิสติกส์แบบครบวงจรด้านคอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศ ได้มีข้อตกลงการใช้บริการท่าเรือระนองในการขนส่งตู้สินค้าไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมีเรือให้บริการขนส่งตู้สินค้าผ่านท่าเรือระนองได้ประมาณ 4 เที่ยวต่อเดือน สามารถขนส่งตู้สินค้าได้ประมาณ 350-400 ตู้ต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 6,000 ตู้ต่อปี โดยสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคและวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะส่งผลให้ในปีงบประมาณ 2558 ท่าเรือระนองจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นอีกกว่า 10 ล้านบาท
——————————————————–
NCL ยกระดับขนส่งสินค้าทางน้ำ
เปิดประตูสู่เศรษฐกิจเมียนมาร์-กลุ่มประเทศ BIMSTEC
เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ ลงนามข้อตกลงการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ ของท่าเรือระนอง จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเส้นทางเดินเรือตู้สินค้าแห่งแรกอย่างเป็นทางการ “ท่าเรือระนอง-ย่างกุ้ง” หวังเชื่อมจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจสู่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์และกลุ่มประเทศ BIMSTEC ด้วยจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ขนส่ง 400 ตู้ต่อสัปดาห์ บรรทุกสินค้าได้ถึง 1 หมื่นตันต่อเที่ยว
จากการที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยจับมือกับ บมจ. เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ เปิดเส้นทางใหม่ “ท่าเรือระนอง-ย่างกุ้ง” นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการเพิ่มจุดขนส่งสินค้า เพื่อการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยจุดแข็งสำคัญของท่าเรือระนองนั้น นอกจากจะตั้งอยู่บนเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจที่จะช่วยย่นทั้งระยะเวลาการขนส่ง และระยะทาง ค่าธรรมเนียมที่ไม่สูงแล้ว ยังเป็นท่าเรือที่มีศักยภาพในการรองรับระบบตู้สินค้าฝั่งทะเลอันดามันของไทย
คุณกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (NCL) กล่าวว่า นับเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทฯ ที่ได้ลงนามข้อตกลงฯ เพื่อใช้ท่าเรือระนองโดยตรงกับการท่าเรือฯ เนื่องจากท่าเรือระนองเป็นท่าเรือที่มีศักยภาพ และเป็นท่าเรือรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในฝั่งทะเลอันดามัน สามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้จำนวนมาก ประกอบกับปัจจุบันท่าเรือมีความพร้อมด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ซึ่งการเปิดเส้นทางเดินเรือแห่งใหม่ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ จะช่วยประหยัดเวลาในการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเมียนมาร์ และประเทศในแถบฝั่งอันดามัน หรือมหาสมุทรอินเดียลงประมาณ 3 เท่า โดยเหลือเพียง 3 วัน เมื่อเทียบกับเส้นทางที่ผู้ประกอบการใช้ในปัจจุบัน ที่ต้องผ่านท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนจะอ้อมผ่านสิงคโปร์ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 14-21 วัน ที่จะช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการขนส่งอันรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ
“เศรษฐกิจประเทศเมียนมาร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสทางการค้าสูงมาก จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ เพราะเส้นทางขนส่งสินค้าทางน้ำแห่งใหม่นี้จะช่วยย่นระยะเวลาในการขนส่งสินค้า ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์และการลงทุนที่ NCL ต้องการยกระดับมาตรฐานการให้บริการ เพื่อขานรับต่อประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบเครือข่ายขนส่งของบริษัทให้เพิ่มมากขึ้น” คุณกิตติกล่าว
ทั้งนี้ ท่าเรือระนอง ตั้งอยู่บนเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจ ในการเชื่อมโยงทั้งประเทศเมียนมาร์ จีน อินเดีย และกลุ่มประเทศ BIMSTEC ซึ่งจะช่วยย่นระยะทางในการเดินเรือสินค้าไปยังประเทศเมียนมาร์ และทำให้การขนส่งสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศเมียนมาร์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ ถือเป็นการเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีโอกาสทางการค้าที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมาร์
Proxies For Scrapebox…
I found a great……
Buy Usa Proxies…
I found a great……