Logistics’s viewpoint
Transport & Logistics Management for Hazardous Materials: Overlooked problem
การจัดการระบบขนส่งและโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย:
ปัญหาสำคัญของประเทศไทยและประเด็นที่นักโลจิสติกส์มักจะมองข้าม
รองศาสตราจารย์ ดร. ทวีศักดิ์ เทพพิทักษ์
ศูนย์วิจัยโลจิสติกส์และการจัดการ มหาวิทยาลัยบูรพา
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ประมาณบ่ายโมง ข่าวเกี่ยวกับสารรั่วไหลจากเรือริเวอร์บริดจ์ สัญชาติจีน มาจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ขณะจอดอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังบี 3 ดังครึกโครมผ่านสื่อโลกออนไลน์ทั้งเฟสบุค ไลน์หรือข่าวจากอินเทอร์เน็ต โดยผลการตรวจสอบพบว่าสารเคมีที่รั่วไหลมีชื่อว่า “สารบิวทิล อะครีเลท” ซึ่งเป็นของเหลวที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ สาเหตุของการรั่วไหลเกิดจากสารเคมีหล่นระหว่างการขนย้าย ทำให้เกิดการรั่วออกจากตู้คอนเทนเนอร์ โดยสารเคมีเป็นของเหลวไวไฟอันตราย CLASS 3 ชื่อ UN No.2348 ซึ่งมีกลิ่นฉุนรุนแรง แต่ยังไม่พบการติดไฟเบื้องต้นมีผู้ได้รับผลกระทบ 94 รายซึ่งเรือเอกสุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ท่านก็ได้เข้าไปดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างดีและอย่างรวดเร็ว ทราบว่าผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับบ้านแล้ว ปรากฎการณ์เช่นนี้สะท้อนถึงการบริหารระบบโลจิสติกส์สินค้าอันตรายในบ้านเรายังไม่มีประสิทธิภาพ หรือถ้ามี ก็ยังถือว่าไม่ดีพอครับ
บ่อยครั้งที่ผมมีโอกาสได้ขับรถไปจากจังหวัดชลบุรีไปยังจังหวัดระยองบนถนนทางหลวงหมายเลข 36 หลายครั้งโดยส่วนใหญ่จะเดินทางไปเพื่อเก็บข้อมูลหรือไปนำเสนอข้อมูลในโครงการวิจัยต่างๆ ระหว่างที่ผมขับรถไปนั้น ผมได้สังเกตว่ามีรถบรรทุกสารเคมีต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัตถุอันตราย วิ่งไป-มาจำนวนมากซึ่งหลายคันก็แซงกันไปมา วัตถุประสงค์ของการเขียนบทความของผมครั้งนี้คือพยายามกระตุ้นผู้ที่เกี่ยวข้องในการฝึกอบรมพนักงานขับรถที่ขนส่งวัตถุอันตรายให้มีความระมัดระวัง มีจิตสำนึกในการขับรถซึ่งพนักงานขับรถที่ดีจะต้องตระหนักถึงกฎ 3 ข้อคือพนักงานเหล่านั้นจะต้องรู้และปฏิบัติตามกฎหมาย (Laws) ตามระเบียบข้อบังคับ (Rules & Regulations) และทำตามขั้นตอนปฏิบัติ (Procedures) โดยพนักงานขับรถเหล่านั้นอาจจะไม่ทราบว่าผลจากการขับดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างไร
ช่วงนี้ ผมกำลังนั่งอ่านค้นคว้าข้อมูลก็เห็นงานวิจัยฉบับหนึ่งของผมเกี่ยวกับการศึกษาเกี่ยวกับระบบขนส่งและโลจิสติกส์สำหรับสินค้าหรือวัตถุอันตรายซึ่งผมเคยทำไว้ประมาณ2-3 ปีที่แล้ว ไม่มีใครจ้างศึกษาหรอกครับ คิดเองทำเองเพราะคิดว่าเป็นสินค้าที่เกือบทุกอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการต้องใช้ ซึ่งส่วนใหญ่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากไทยเรายังไม่มีความสามารถในการผลิตวัตถุอันตรายเหล่านี้ได้ ประเด็นปัญหาจึงเกิดขึ้นว่า ในประเทศไทย มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าหรือวัตถุอันตรายเหล่านี้มากน้อยเพียงใด ทั้งๆ ที่วัตถุอันตรายเหล่านี้มีการขนส่งข้ามประเทศและมีการรับ เก็บ คัดแยกและการกระจาย ตามหลักการโลจิสติกส์นั้น ไม่สามารถดำเนินการได้เหมือนสินค้าทั่วไปเนื่องจากมีกฎระเบียบและข้อบังคับระหว่างประเทศหรืออนุสัญญาหลายฉบับควบคุมอยู่ ประกอบกับวัตถุอันตรายเหล่านี้ ถ้าเกิดการรั่วไหลหรือมีการบริหารจัดการไม่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เช่นต้องควบคุมอุณหภูมิ หรือไวไฟเป็นต้นอาจจะเกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวง
ผมเคยเป็นวิศวกรอยู่ในโรงงานแถวมาบตาพุด ซึ่งต้องขับรถไป-กลับจากที่ทำงานทุกวัน เห็นรถขนส่งวัตถุอันตรายวิ่งเข้า-ออกโรงงานต่างๆ ทั้งวัน ลองจินตนาการนะครับว่าถ้ามีรถบรรทุกวัตถุอันตรายพลิกคว่ำหรือเกิดอุบัติเหตุ จะทำอย่างไร การเคลื่อนย้ายวัตถุอันตรายภายในโรงงานหรือสถานประกอบการได้กระทำอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพแล้วหรือไม่ ขณะที่เป้าหมายของการจัดการโลจิสติกส์คือลดต้นทุนและเพิ่มระดับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้สูงขึ้น แต่เป้าหมายของการจัดการโลจิสติกส์ของสินค้าอันตรายจะต้องเพิ่มเรื่องความปลอดภัยและการบริหารความเสี่ยงเข้าไปด้วย ซึ่งจะได้กล่าวในลำดับต่อไปครับ
ขณะที่ความเจริญเติบโตทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในการผลิต เป็นปัจจัยสําคัญอย่างหนึ่งที่ทําให้มีความต้องการใช้ วัตถุอันตรายและสารเคมี ซึ่งเป็นวัตถุดิบและสารจําเป็นในขั้นตอนการผลิตสินค้า ส่งผลให้การนําสารเคมีและวัตถุอันตรายเข้าประเทศปีละจํานวนมาก ซึ่งทำให้มีการขนส่งวัตถุอันตรายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่พบนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับการขนส่ง กล่าวคือ ยิ่งมีการขนส่งวัตถุอันตรายเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมากเช่นกัน การขนส่งวัตถุอันตรายระหว่างประเทศทั้งทางทะเล และอากาศ ใช้กฎระเบียบระหว่างประเทศในการควบคุมสําหรับการขนส่งทางบกในประเทศ ส่วนใหญ่แล้วแต่ละประเทศ จะยึดกฎระเบียบระหว่างประเทศ ที่มีมาตรฐานเดียวกัน
สําหรับประเทศไทย
ขณะนี้กรมการขนส่งทางบกได้มีการจัดทําร่างประกาศเกี่ยวกับการขนส่งวัตถุอันตรายทางบก โดยยึดข้อกําหนดการขนส่งวัตถุอันตรายของประเทศไทย ซึ่งสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้แปลจาก United Nation Recommendations on the Transport of Dangerous Good หรือเรียกย่อว่า UN Recommendations นํามาใช้ควบคุมการขนส่งวัตถุอันตรายในประเทศ โดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของ United Nation Economic and Social Committee ( UN/ECE ) เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตราย ได้พิจารณาข้อเสนอแนะนี้ โดยตระหนักว่าความก้าวหน้าด้านเทคนิค การผลิตและวัสดุใหม่เพิ่มขึ้น ความจําเป็นที่มีระบบการขนส่งแบบใหม่เป็นอย่างมากและที่สําคัญที่สุดคือ การให้ความมั่นใจ ในเรื่องเกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัย ต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งข้อเสนอต่างๆ นี้ได้จัดส่งให้รัฐบาลของแต่ละประเทศต่างๆ และองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับ การออกระเบียบ ข้อกําหนดในการขนส่งสินค้าอันตราย ให้เกิดความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตราย
ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเรื่องการขนส่งวัตถุอันตรายทางบก พ.ศ. 2545 ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547 เพื่อให้ประเทศไทยได้มีศูนย์ทดสอบและตรววจสอบความมั่นคงแข็งแรงของบรรจุภัณฑ์และแท็งก์บรรจุวัตถุอันตรายเพื่อการขนส่งตามแบบมาตรฐานสากล (มาตรฐาองค์การสหประชาชาติและมาตรฐานกลุ่มประชาคมยุโรป) ซึ่งจะทำให้เกิดความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตรายตามท้องถนน และยังเป็นผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเคมีภายในประเทศ ส่งผลให้สินค้าเคมีภัณฑ์ของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับขอนานาประเทศ ซึ่งโครงการศึกษานี้จะทำการศึกษาเพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์สำหรับวัตถุอันตรายเพื่อการขนส่ง ซึ่งจะทำการกำหนดมาตรฐานให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย เรื่อง การขนส่งวัตถุอันตรายทางบก พ.ศ. 2545 และข้อกำหนดด้านการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย เล่มที่ 2 (Thai Provisions Volume 2 : TP2) ตลอดจนขจัดปัญหาและอุปสรรคในการบริหารจัดการในส่วนของการรับรองมาตรฐานบรรจุภัณฑ์ UN MARK รวมถึงศึกษาปัญหาการส่งออกวัตถุอันตรายของผู้ประกอบการที่ต้องมีบรรจุภัณฑ์ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล
ขณะนี้ ผมกำลังเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาระบบขนส่งและโลจิสติกส์สำหรับวัตถุอันตราย โดยมีวัตถุประสงค์คือเพื่อศึกษาแนวทางบูรณาการในการควบคุมการขนส่งวัตถุอันตราย และเพื่อให้ทราบถึงประเภทและลักษณะของวัตถุอันตราย กระบวนการขนส่ง การออกแบบและรูปแบบการขนส่งวัตถุอันตรายที่เหมาะสมและปลอดภัย ตลอดทั้งการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริการจัดการและเคลื่อนย้ายวัตถุอันตรายอย่างเหมาะสม สะดวกและปลอดภัย นอกจากนี้ จะทำการศึกษาประเภท ลักษณะ รูปแบบ ความเป็นอันตรายและค่าความเป็นพิษ (Toxicity) ของสารเคมีและวัตถุอันตราย ตลอดทั้งศึกษามาตรฐานต่าง ๆ ในการควบคุมการใช้ การนำเข้า – ส่งออก การขนส่งหรือการเคลื่อนย้ายวัตถุอันตรายทั้งของประเทศไทยและมาตรฐานสากลและเพื่อศึกษาด้านการขนส่งวัตถุอันตราย ได้แก่ การศึกษาทฤษฎีการขนส่ง, รูปแบบและโมเดลการขนส่ง, การคัดเลือกและการออกแบบการขนส่งที่เหมาะสมในการขนส่งวัตถุอันตรายประเภทต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ ประเทศไทยของเรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวน้อยมาก แต่ถ้าเป็นข้อมูลของต่างประเทศจะมีการศึกษาไว้มีจำนวนพอสมควร
นอกจากนี้ ผมจะทำการศึกษาการออกแบบระบบการขนส่งวัตถุอันตรายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยตามมาตรฐานของประเทศไทยและมาตรฐานสากล และออกแบบบรรจุภัณฑ์ของวัตถุอันตรายให้มีความเหมาะสมและมีความปลอดภัยในการขนส่งและการเคลื่อนย้ายวัตถุอันตราย รวมทั้งจะศึกษาและจัดทำคู่มือการจำแนกความเป็นอันตรายของสารเคมีและจัดทำคู่มือมาตรฐาน สำหรับใช้ในการออกใบรับรองมาตรฐานบรรจุภัณฑ์สำหรับวัตถุอันตรายเพื่อการขนส่ง(UN MARK) รวมทั้ง พัฒนาโมเดลเพื่อให้เกิดความเข้าใจในกระบวนการขั้นตอนการปฏิบัติตามมาตรฐานบรรจุภัณฑ์สำหรับวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 ในประเทศไทยแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
ผมคิดว่าผลการศึกษาในครั้งนี้จะช่วยให้หน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของสารเคมีและวัตถุอันตราย ประเภทของสารเคมีและวัตถุอันตรายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนมีความรู้ความเข้าใจในมาตรฐานการจำแนกสารเคมีและวัตถุอันตรายของประเทศไทยและของประเทศต่างๆ ที่เป็นสากล เช่น มาตรฐานขององค์การสหประชาชาติ (UNITED NATION) มาตรฐานของสหรัฐอเมริกา และมาตรฐานของสหภาพยุโรป เป็นต้นซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญสำหรับการบริหารระบบขนส่งและโลจิสติกส์สำหรับสินค้าหรือวัตถุอันตราย และการศึกษาครั้งนี้จะช่วยให้หน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องมีความรู้ความเข้าใจ และสามารถจำแนกประเภทของสารเคมีและวัตถุอันตรายตามมาตรฐานการจำแนกสารเคมีในประเทศและมาตรฐานอื่นๆ ในต่างประเทศได้อย่างถูกต้อง โดยหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องมีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องประเภทบรรจุภัณฑ์ การออกแบบ การขนส่งและการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการขนส่งวัตถุอันตรายทั้ง 9 ประเภท และมีความรู้ความเข้าใจในหลักเกณฑ์การจำแนกวัตถุอันตรายตามข้อกำหนดหลักเกณฑ์ TP2 และสามารถจำแนกความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายได้อย่างถูกต้อง แม่นยำและมีความปลอดภัย
นอกจากนี้ ผลการศึกษาครั้งนี้ จะช่วยสร้างแบบโมเดลและจำลองแบบการขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตรายตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการขนส่ง ตลอดทั้งทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการขนส่งดังกล่าว ซึ่งทำให้นำข้อมูลที่ได้จากกการศึกษาไปปรับปรุงพัฒนาเพื่อให้ระบบการขนส่งมีมาตรฐานและมีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆ สามารถพัฒนาหลักสูตรและคู่มือการฝึกอบรมที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ สำหรับใช้ฝึกอบรมวิทยากร และเจ้าหน้าที่ในเรื่องของการจำแนกความเป็นอันตรายของสารเคมี การเลือกบรรจุภัณฑ์สำหรับวัตถุอันตรายเพื่อการขนส่งตามข้อกำหนด TP2 และการปฏิบัติตามมาตรฐานบรรจุภัณฑ์และการรับรองมาตรฐานบรรจุภัณฑ์สำหรับวัตถุอันตรายเพื่อการขนส่ง (UN MARK)