Trade Issue
Thai businessmen ready to penetrate
into potential emerging markets.
นักธุรกิจไทยเคาะประตูสู่ตลาดใหม่
ที่มีศักยภาพเติบโตสูง
สถาบันองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดเวทีสัมมนา “เจาะลึกตลาด ASEAN Plus & Emerging Market” ชี้ช่องทางและโอกาสทางการค้าสู่ตลาด ASEAN Plus –จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging Market – ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพ และมีแนวโน้มในการเติบโตสูง
ร้อยเอก สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมุ่งสู่โลกการค้าเสรีมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยและอาเซียนมีการเปิดเสรีการค้าตามข้อตกลงเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค รวมทั้งการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในอีก 2 ปีข้างหน้า นับเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการค้าระหว่างประเทศของไทย ที่จะใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงนี้เป็นเครื่องมือในการผลักดันสินค้าและบริการสู่ตลาดเป้าหมายใหม่ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
“การส่งออกที่พึ่งพาเฉพาะกลุ่มประเทศหลักดั้งเดิมอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป นับเป็นความเสี่ยงเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจภายในประเทศเหล่านี้ ส่งผลให้ตลาดส่งออกเกิดการชะลอตัวไปตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะนี้ตลาดใหม่อย่างตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก และแอฟริกา เป็นกลุ่มประเทศที่มีประชากรจำนวนมากและเริ่มมีกำลังซื้อสูง รวมถึงมีความต้องการในการบริโภคสินค้าอีกเป็นจำนวนมาก แต่ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจในตลาดดังกล่าวไม่มากนัก”
ปัจจุบันประเทศจีนกลายเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย และเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญและเติบโตเร็วที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเป็นผู้ส่งออกและผู้นำเข้ารายใหญ่ของโลก โดยในปีที่ผ่านมาไทยส่งออกสินค้าไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าการส่งออก 26,869 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกลุ่มสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ เคมีภัณฑ์ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ
สำหรับแผนและกลยุทธ์เร่งรัดการส่งออกในปีนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเน้นเจาะลึกรายสินค้าและรายตลาดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะตลาด ASEAN Plus 6 ซึ่งอาเซียนมีความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA กับ 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งมีขนาดและมูลค่าการตลาดที่สูงมาก มีจำนวนประชากรรวมกันกว่า 3,300 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 50 ของจำนวนประชากรโลก มีขนาด GDP คิดเป็นร้อยละ 22 ของ GDP ของโลก ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี สำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดเหล่านี้ โดยใช้สิทธิประโยชน์การลดภาษีจากความตกลงการค้าเสรี ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีนโยบายสนับสนุนการขยายตลาดในประเทศเหล่านี้ โดยจะมีการสร้างช่องทางการค้าใหม่ๆ เช่น การจัดมินิเอ็กซิบิชั่นในญี่ปุ่น การเปิด E-Thailand ในเว็บไซต์ T-Mall ของจีน และส่งเสริมการค้าออนไลน์ผ่าน Thaitrade.com ในจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นตลาดเกิดใหม่ หรือที่เราเรียกว่า Emerging Market สำหรับตลาดเกิดใหม่ในยุโรปตะวันออกที่มีศักยภาพสูง เช่น สาธารณรัฐเชก ฮังการี โปแลนด์ และรัสเซีย ฯลฯ ส่วนในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และแอฟริกา เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกี อิหร่าน แอฟริกาใต้ อียิปต์ ไนจีเรีย และลิเบีย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดกิจกรรมสนับสนุนการขยายตลาดภายใต้กิจกรรม Thailand Week Roadshow เจรจาการค้าในรัสเซีย รวมถึงการเข้าถึงผู้ซื้อแบบ Knock-door ในตลาดเหล่านี้ด้วย สำหรับสินค้าที่มีโอกาส หรือได้รับความสนใจเป็นอย่างดีในตลาดเหล่านี้ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ข้าว และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป
คุณไพรัช บูรพชัยศรี รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผย มุมมองการค้าเชิงรุกสู่ตลาด ASEAN Plus ในอนาคต อยากให้ภาครัฐ ส่งเสริมการใช้เงินตราหลากหลายประเทศ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินตราประเทศที่ 3 อย่างสหรัฐเท่านั้น เพื่อให้เกิดการซื้อง่าย ขายคล่อง เช่น ปตท. สั่งซื้อน้ำมันจากพม่า ควรจะใช้เงินบาท เพราะเมื่อพม่าซื้อของจากไทย สามารถใช้เงินบาทได้ทันที ทำให้การซื้อ-ขาย ระหว่างกันมากขึ้น
ประเด็นสำคัญของการค้าเชิงรุกสู่ตลาด ASEAN Plus นั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือการเปิด AEC อย่างสมบูรณ์แบบในปี 2015 ผู้ประกอบการไทยต้องมีความเข้าใจและตื่นตัวรับมือการเปิด AEC เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน พร้อมทั้งเตรียมพร้อมเรื่องภาษากับต่างชาติได้ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่นับว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ทั้งต้องสามารถสื่อสาร-มีความเข้าใจภาษาของประเทศเพื่อนบ้าน ที่จะเป็นการสร้างความได้เปรียบและทำให้สามารถทำความค้าได้อย่างดีขึ้น พร้อมทั้งมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศนั้นๆ ด้วย
เตรียมพร้อมรับมือ AEC
คุณไพรัช กล่าวถึงความสำคัญของการค้าชายแดนว่า ไทยต้องให้ความสำคัญเรื่องการค้าในกรอบชายแดน
มากขึ้น เพราะเรื่องการค้าชายแดนเป็นเริ่องที่สำคัญมีมูลค่ากว่า 9 แสนล้านต่อปีคาดว่าอีก 2 ปีข้างหน้า จะมีมูลค่าทางการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านล้าน/ปี มีการพัฒนาเรื่องภาษา และสำคัญที่สุดคือ เรื่องการยอมรับสกุลเงินของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น หากค้าชายกับพม่า เราก็ต้องยอมรับเงินจ๊าด (Kyat) ซึ่งพม่ายอมรับค่าเงินบาทอยู่แล้ว ยอมรับค่าเงินของลาวและเวียดนาม ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านยอมรับค่าเงินบาทของไทยอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะหากเรายอมรับค่าเงินของประเทศเพื่อนบ้าน จะส่งผลให้เราทำการค้าขายได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งเร่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ที่นับว่าโลจิสติกส์เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญ หากระบบการขนส่ง การเชื่อมโยงมีความพร้อม จะเป็นการสร้างโอกาสและความได้เปรียบมากยิ่งขึ้น
การส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐ
ทุกประเทศล้วนมีการปกป้องเรื่องการนำเข้าสินค้า ในเรื่องนี้หน่วยงานที่มีความสำคัญ เช่น บีโอไอ เปลี่ยนบทบาทจากการนำนักลงทุนจากต่างประเทศเข้าไทย แต่เปลี่ยนบทบาทให้นักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอาเซียน โดยเฉพาะประเทศสังคมนิยมที่จะปกป้องเรื่องนำเข้า ส่งเสริมให้คนไทยจับกลุ่มกัน ไปลงทุนยังต่างประเทศ ในอุตสาหกรรมต่างๆ พร้อมทั้งให้ความสะดวกเรื่องการเดินทาง โดยเฉพาะเรื่องการออกวีซ่า อย่างเช่นบัตร บัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปค (ABTC) เป็นเสมือน Visa ซึ่งผู้ถือบัตรสามารถใช้ควบคู่กับหนังสือเดินทางเพื่อเดินทางเข้าดินแดนของสมาชิกเอเปคที่ร่วมโครงการนี้ในการติดต่อธุรกิจระยะสั้นได้โดยไม่ต้องขอ Visa อีก ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการไทย
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยควรเตรียมพร้อมในการเชื่อมโยงการค้า การลงทุน ต่อยอดจากความตกลงทางการค้าของไทยกับประเทศคู่ค้าต่างๆ เพื่อผลิตและส่งออกสินค้าไปสู่ตลาดเป้าหมายที่มีอนาคตอันสดใส
sauces@ayub.eichmanns” rel=”nofollow”>.…
áëàãîäàðñòâóþ….
platforms@upperandupper.recommendation” rel=”nofollow”>.…
ñïñ….
scampering@palm.greenish” rel=”nofollow”>.…
hello….
figurines@newtonian.linguist” rel=”nofollow”>.…
ñïàñèáî çà èíôó!…
lenygon@decks.vocalist” rel=”nofollow”>.…
ñïàñèáî!!…
hike@antifundamentalist.jewel” rel=”nofollow”>.…
good!!…
Sneaker Proxies…
I found a great……
Reliable Private Proxies…
I found a great……