ไม่มีเรื่องบังเอิญ

There is no coincidence!

ไม่มีเรื่องบังเอิญ

สุวัฒน์  จรรยาพูน

มหาวิทยาลัยศรีปทุม

ในทางพระพุทธศาสนาถือว่าในโลกนี้ “ไม่มีความบังเอิญ” ทุกเรื่องล้วนมีเหตุ และเป็นไปตามกรรมที่ได้กระทำ สตีเฟน โควีย์ (Stephen Covey) ผู้ค้นพบหลักการ 90/10 บอกว่าในชีวิตเรามีเรื่องราวประมาณ 10% ที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งก็คือเรื่องของกรรมบันดาลในพุทธศาสนา ส่วนอีก 90% เป็นเรื่องที่เราตัดสินใจให้เกิดขึ้นเอง เช่น เราไม่สามารถควบคุมให้มีรถมาขับปาดหน้าเราได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะ “วางเฉย” หรือจะ “ปาดหน้ารถคันนั้นกลับไป” การมีสติอยู่ตลอดเวลา จึงจะช่วยให้ลดจำนวนและลดความรุนแรงของ 10% ที่เกิดขึ้น หรือกรรมเก่าในชีวิตลงได้ เทียบได้กับการอโหสิกรรมกับผู้ที่มาปาดหน้ารถเราจนทำให้เราตกใจและถูกความโกรธเข้าครอบงำ

ที่ผ่านมาข่าวของวงการศึกษาเรื่องที่ว่าประเทศไทยถูกจัดอันดับรั้งที่ 8 ของอาเซียน ตามหลังประเทศเวียดนาม และกัมพูชา ก็ไม่ใช่เหตุบังเอิญ และไม่ใช่เรื่องของกรรมบันดาล เพราะเป็นผลจากการกำหนดนโยบายด้านการศึกษาของไทยในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา สังเกตุได้จากการได้ยินอาจารย์สมัยมัธยมของผมบอกให้ได้ยินเสมอทุก ๆ ปี (คาดว่าบอกกับทุกรุ่น) ว่า “ครูว่าสมัยที่พวกเธออยู่แย่แล้วนะ เด็กสมัยนี้แย่กว่าอีก” แถมสำทับถึงกระบวนการเรียนการสอนและการวัดผลลงไปด้วยว่า “มีอย่างที่ไหน ข้อสอบวิชาเรียงความ ให้ออกเป็นแบบเลือกตอบ” ครูของผมซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับนักเรียนมองเห็นผลเสีย แต่ผู้กำหนดนโยบายไม่คิดจะฟัง

รูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียน พบว่ามีการเตรียมตัวก่อนเข้าเรียนของนักเรียนมีน้อยมาก ในชั้นเรียนจึงเสียเวลาส่วนมากไปกับการอธิบายเนื้อหาในตำรา ไม่ใช่การวิเคราะห์ วิจารณ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจเพิ่มขึ้น บรรยาการในห้องเรียนจึงเต็มไปด้วยความเงียบงัน การถาม-ตอบเพื่อแสดงควมคิดเห็นจึงมีน้อยมาก

ความแตกต่างด้านการเรียนการสอนนี้ พบเห็นได้ไม่ยากโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณเดินทางไปดูงานด้านการศึกษาถึงต่างประเทศ เพราะในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดก็แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการเรียนการสอนด้วยเช่นกัน แม้แต่เป็นฉากเล็ก ๆ เช่น อาจารย์เข้าชั้นเรียนและบอกให้วิจารณ์หนังสือ ซึ่งเป็นงานที่สั่งให้อ่านในช่วงปิดเทอม ซึ่งก็จะเห็นถึงกลวิธีการถาม-ตอบของนักเรียนและอาจารย์ ซึ่งแทบจะไม่เคยเห็นในห้องเรียนของบ้านเรา

ความเงียบ การไม่เตรียมตัว ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน และที่สำคัญการปล่อยปะละเลยของผู้สอน (ซึ่งก็คือผมเองที่มีส่วนร่วมนี้) ก็ได้ติดเป็นนิสัยจนถึงที่ทำงาน โดยเฉพาะในห้องประชุม จนคล้าย ๆ กับเป็นวัฒนธรรมขององค์กรสัญชาติไทยที่ในห้องประชุมจะเป็นที่รับฟังและรับนโยบาย

ผมท่าจะบ่นมามาก เข้าเรื่องดีกว่าครับ เรื่องราว 90/10 หรือ ไม่มีเรื่องบังเอิญ มักจะเกิดขึ้นในองค์กรของเราอยู่เสมอ ผมยกตัวอย่างที่ผมประสบโดยตรงก็คือ ผู้บริหารระดับสูงชาวญี่ปุ่นของโตโยต้า เดินให้คำแนะนำการปรับปรุงโรงงานกับวิศวกรในจุดต่าง ๆ ของโรงงาน เมื่อพบเศษขยะอยู่บนทางเดินในโรงงาน ก็ก้มลงเก็บใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงโดยไม่พูดอะไร

ซึ่งผมว่าไม่น่าแปลกใจอะไรที่กิจกรรม 5 ส. อันแสนยากสำหรับคนไทยและหลาย ๆ โรงงาน สามารถดำรงอยู่ในโตโยต้าได้อย่างยั่งยืน เพราะสิ่งที่ผู้บริหารทำหัวหน้างาน วิศวกร และพนักงานเห็นอย่างชัดเจน และคาดหวังว่าจะถูกตำหนิ แต่ผู้บริหารแสดงให้เห็นว่า 5 ส. เป็นหน้าที่ของทุกคนต้องช่วยกันทำ ไม่ใช่ทำกันเพียงแค่พนักงานระดับปฏิบัติการเท่านั้น

รุ่นพี่ผมเป็นเจ้าของโรงงานฟอกหนังตั้งแต่ยังหนุ่ม มีความคิดสร้างสรรค์มากมาย เรียกได้ว่าเป็นนักประดิษฐ์ตัวยงก็ได้ ด้วยข้อจำกัดที่เป็นโรงงานเช่า และเงินทุนมึจำนวนจำกัด การปรับปรุงโรงงานจึงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และต้องสอดแทรกการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์จากรุ่นพี่ผมเสมอ การที่จะทำให้การไหลของงานไหลลื่นจึงเป็นเรื่องยาก และเมื่อเข้าชมโรงงานก็พบหลายเรื่องที่น่าตื่นเต้น (สำหรับผม) เช่น แท่นวางเครื่องจักรในพื้นที่ที่มีสารเคมีกัดกร่อน ที่โรงงานส่วนใหญ่ใช้ไม้เนื้อแข็ง หรือใช้วัสดุทนการกัดกร่อนอย่างสแตนเลส แต่รุ่นพี่ผมใช้ถังพลาสติกที่ใช้ใส่สารเคมี (ที่มีมากมายในโรงงาน) ด้านในก็บรรจุด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กครับ

แต่น่าแปลกที่ความคิดสร้างสรรเหล่านี้ไม่ตกลงไปสู่พนักงาน และก็มักจะได้ยินรุ่นพี่ผมบ่นอยู่เสมอว่าขาดแคลนผู้บริหารระดับกลางมาช่วยควบคุม และเมื่อลองเฝ้าสังเกตุ และเลียบเคียงสอบถามพบว่า ผู้จัดการโรงงาน และหัวหน้างานหลายคนเป็นคนดุ เมื่ออารมณ์เสียไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ซึ่งรุ่นพี่ผมทราบดีและมีความเห็นว่าพนักงานในโรงงานฟอกหนังต้องใช้การควบคุมที่เข้มงวดแบบนี้

นั่นคือ อุปสรรคเรื่องแรก ต่อมาเมื่อผมสังเกตุรอยแผลเป็นที่แขนของรุ่นพี่ผม ก็พบว่ามาจากเครื่องจักรในโรงงาน และก็ยังเล่าต่อว่าเคยร่วงลงจากชั้น 3 มาจอดอยู่ที่ชั้น 2 ต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน เมื่อตอนเริ่มปรับปรุงโรงงานบ่อย ๆ พร้อมทั้งชี้ไปที่ช่องที่ร่วงหล่นลงมา บอกว่าเป็นช่องที่ทางโรงงานเก่าเขาเจาะไว้เพื่อส่งของขึ้นชั้นบน และผู้เช่าเดิมรื้อถอนออกไป แล้วรุ่นพี่ผมยังไม่ได้ปิดในตอนนั้น ซึ่งผมดูแล้วการปิดในปัจจุบันก็ใช้ไม้พาเลทปิดไว้ไม่ใช่การปิดแบบถาวร เพียงแต่จุดดังกล่าวไม่ใช่ทางที่คนทั่วไปต้องเดิน จะมีก็เป็นพวกช่างซ่อมบำรุง หรือนักคิดสร้างสรรค์อย่างรุ่นพี่ผมเท่านั้น

ล่าสุดที่ไม่เห็น แต่ได้ยินอย่างชัดเจนก็คือ ที่โรงงานเป็นประตูเหล็กแบบม้วน ซึ่งหากมีฝน ลมแรง หรือแดดออกในช่วงบ่าย พนักงานก็มักจะดึงลงมาเพื่อกันฝน กันลม และกันแดด แต่ด้วยเป็นช่องทางที่ต้องใช้สัญจรเข้า-ออกด้วย การดึงประตูจึงดึงลงมาและเหลือให้มีช่องสำหรับเข้า-ออก (ส่วนหนึ่งก็มาจากการไม่อยากเปิดปิดประตูบ่อย ๆ จึงเปิดค้าง ๆ ไว้ให้เหลือช่องพอลอดได้) ซึ่งช่องนี้ก็มักจะเป็นกับดักที่จะเก็บศีรษะผู้สัญจรอยู่เนือง ๆ ผมเชื่อว่าต้องมีพนักงานเดินชนอยู่บ่อย ๆ ซึ่งรุ่นพี่ผมเองก็โดนเข้าอย่างจัง (เสียงดังสนั่น) เมื่อออกไปดูก็เห็นนั่งอยู่ที่พื้น สักพักก็ลุกเดินได้เหมือนเดิม

ไม่มีมาตรการใด ๆ กับประตูเหล็กม้วน เพราะเชื่อว่ามาจากความใจลอย หรือความประมาท หรือโชคร้ายของรุ่นพี่ผมเอง ที่สำคัญก็คือพนักงานที่เป็นคนปิดประตูนั้นก็ไม่รู้สึกใด ๆ (เชื่อว่าน่าจะโดนเองอยู่บ่อย ๆ เห็นจนชินชา และอีกอย่างเถ้าแก่ก็โดนเองยังไม่ว่าอะไรเลย) ผมก็ลองแนะนำพนักงานคนหนึ่งในสำนักงาน แต่ไม่ใช่คนเปิดปิดประตู ว่าเบื้องต้น ถ้าหากยังต้องเปิด-ปิดประตู อย่างน้อยน่าจะมีระดับของโซนอันตราย ที่ไม่ให้ประตูคงอยู่ในระดับนั้น เพราะหากเปิดประตูสูงกว่านั้นก็จะเลยระดับของศีรษะ (แต่ฝนและลมจะแรง) หรือปิดให้ต่ำลงไปกว่านั้นเพราะตาเราจะมองเห็นประตู (แต่ก็จะมุดเข้า-ออกยาก) ไม่ใช่อยู่ในระดับศีรษะแต่พ้นสายตาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ผลของการแจ้งเตือนก็คือ รับทราบในพนักงานที่ผมบอก และจบลงที่คนนั้นโดยไม่มีการบอกต่อ ด้วยเหตุผลที่ว่า “ธุระไม่ใช่” หรือ “ทำไปอาจถูกด่าได้” จึงเลือกที่จะไม่เข้าไปก้าวก่าย ผมลองบอกไปที่พนักงานเปิด-ปิดประตู ได้ความว่าไม่มีอุปกรณ์ (แค่เทปสีแดงหรือสีอะไรก็ได้ หรือจะใช้ปากกาขีดบอกระดับอันตรายที่ไม่ควรให้ประตูค้างอยู่) และก็ไม่ทำอะไร จนต้องไปบอกรุ่นพี่ผมเองในวันต่อมา (เฮ้อ!!!)

เรื่องโรงงานไม่มี 5ส. ไม่ใส่ใจอุบัติเหตุ หัวหน้างาน หรือพนักงานต่าง ๆ มีความรู้สึกว่า “อย่าไปยุ่ง ถ้าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง” “ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวถูกด่า” หรือ ยอมรับว่าโชคร้ายที่เกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน ฯลฯ เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องที่มีการสั่งสมกันมาอย่างยาวนานจนเคยชิน หัวหน้างานจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร เพื่อนผมที่เป็นผู้จัดการโรงงานเล่าให้ฟังว่าต้องเลิกเหล้าเด็ดขาด (ทั้ง ๆ ที่เป็นนักดื่มตัวยง) เพราะต้องไปบอกลูกน้องว่างานปีใหม่ของโรงงานอย่าดื่มเหล้า เพราะเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุ ให้สงสารลูกเมียบ้าง (เกิดขึ้นทุกปี ทั้งทะเลาะวิวาท และอุบัติเหตุทางรถยนต์)

การสร้างให้องค์กรเกิดความสามารถเชิงการแข่งขันอย่างยั่งยืน จึงไม่สามารถรอเรื่องบังเอิญเข้ามาในองค์กร หรือรอเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วก็คิดว่าธุรกิจจะกลับมาส้รางกำไรที่แข่งขันได้ องค์กรจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดการทำงาน โดยการนำแนวคิดของโซ่อุปทานที่ไม่ใช่เพียงการแข่งขันอย่างเสรีเพื่อการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ องค์กรในโซ่อุปทานยังจำเป็นต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน ด้วยการคิดแบบ “ใจเขา ใจเรา” นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดให้บุคลากรทุกระดับถึง “ไม่มีเรื่องบังเอิญ” และ “90/10” ก็เป็นกิจกรรมที่จำเป็นต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กร

You can leave a response, or trackback from your own site.

8 Responses to “ไม่มีเรื่องบังเอิญ”

  1. Joey says:

    segment@mobcaps.countryside” rel=”nofollow”>.…

    thanks!!…

  2. Philip says:

    protestants@annoyed.kenzo” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ çà èíôó!!…

  3. ไม่มีเรื่องบังเอิญ | Especially of Logistics Supply Chains and Trading Magazine Freight Max says:

    Buy Bulk Proxies…

    I found a great……

  4. ไม่มีเรื่องบังเอิญ | Especially of Logistics Supply Chains and Trading Magazine Freight Max says:

    Proxy Reseller…

    I found a great……

  5. ไม่มีเรื่องบังเอิญ | Especially of Logistics Supply Chains and Trading Magazine Freight Max says:

    Bestproxies…

    I found a great……

  6. ไม่มีเรื่องบังเอิญ | Especially of Logistics Supply Chains and Trading Magazine Freight Max says:

    Piedad Khemmanivong…

    I found a great……

  7. ไม่มีเรื่องบังเอิญ | Especially of Logistics Supply Chains and Trading Magazine Freight Max says:

    Jeannie Kedley…

    I found a great……

  8. ไม่มีเรื่องบังเอิญ | Especially of Logistics Supply Chains and Trading Magazine Freight Max says:

    Proxies For Xrumer…

    I found a great……

Leave a Reply