Logistics’s viewpoint
Infrastructure investment strategy in the Eastern region
การสรุปผลการเข้าร่วมเสวนาโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และร่วมรับฟังความคิดเห็นของสาธารณชน
ต่อแผนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งพ.ศ. 2556 – 2563 ในพื้นที่ภาคตะวันออก
รองศาสตราจารย์ ดร.ทวีศักดิ์ เทพพิทักษ์
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโลจิสติกส์และการจัดการ มหาวิทยาลัยบูรพา
E-mail : taweesak99@hotmail.com
ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมเสวนาและเป็นวิทยากรร่วมกับท่านผู้หลักผู้ใหญ่ของกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน โดยงานวันนี้มีวัตถุประสงค์คือเพื่อสร้างการรับรู้และร่วมรับฟังความคิดเห็นของสาธารณชนต่อแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๖ — ๒๕๖๓ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม สำรวจความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องและมีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน อันเป็นกระบวนการสร้างการรับรู้และความเข้าใจ เกี่ยวกับแผนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฯ ซึ่งในการสัมมนาครั้งนี้จะได้นำเอาผลที่ได้จากการสำรวจความคิดเห็นมาใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาและโอกาสของโครงการต่างๆ ตามแผนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ภาคตะวันออก
ทั้งนี้ เนื่องจากผม ในฐานะเป็นนักวิชาการด้านโลจิสติกส์จากมหาวิทยาลัยบูรพาซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาหลักในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยความรู้สึกส่วนตัวเมื่อทราบว่ากระทรวงคมนาคมมีโครงการที่จะลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งวงเงินกว่า 1.9 ล้านล้านบาทใน 8 ปีข้างหน้า ผมมีความรู้สึก 2 แบบครับ โดยแบบแรกคือรู้สึกตื่นเต้นและดีใจว่าระบบขนส่งหรือโลจิสติกส์ของประเทศจะได้มีการสร้างและพัฒนารองรับการเติบโตและการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เพราะมักจะมีการพูดกันถึงแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ มากมาย หรือการที่หน่วยงานนั้นหน่วยงานนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งหรือการกระจายสินค้า หรือการจะช่วยกันลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศลง ซึ่งในความคิดของผมนั้น ผมว่าค่อนข้างกระทำได้ยากลำบาก ถ้าระบบโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านขนส่งและโลจิสติกส์ยังมีไม่เพียงพอ หรือขาดการปรับปรุงหรือพัฒนา
ทั้งนี้ผมได้พิจารณาจากแผนงานการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ได้จัดทำไว้นี้พบว่ามากกว่าร้อยละ 60 รัฐบาลได้ทุ่มทุนพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าทางรางซึ่งก็สอดคล้องกับผลการศึกษาของหลายๆสำนักที่ระบุไว้ว่าบทบาทการขนส่งสินค้าทางรางจะทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นและเป็นกลจักรที่จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าซึ่งเป็นต้นทุนหลักที่สำคัญของกิจกรรมโลจิสติกส์ของประเทศ
ประสบการณ์วิจัยของผม โดยผมได้เคยไปเก็บข้อมูลในประเทศอินเดีย ซึ่งเคยมีคนเคยบอกว่าเศรษฐกิจของอินเดียมีการเติบโตสูงมากและกำลังจะกลายเป็นมหาอำนาจรองจากจีนและญี่ปุ่น แต่ถ้าคนที่เคยไปประเทศอินเดียบ่อยจะได้เลยครับ ว่านั่นเป็นการดูแต่เพียงตัวเลขเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว หรือดูตัวเลขรายได้จากอุตสาหกรรมไอทีโดยไม่ได้ดูสภาพพื้นที่และภูมิประเทศ รวมทั้งพฤติกรรมของคนอินเดียเลยครับ รันเวย์ขึ้นลงของสายการบินในประเทศยังเป็นถนนลูกรัง ถนนหนทางในการเชื่อมเมือง ไม่ต้องไปดูตามชนบทหรือในท้องถิ่น ก็เป็นถนนลูกรัง ถ้ามีถนนคอนกรีตหรือยางมะตอยก็ชำรุดทรุดโทรมมาก จนมองไม่ออกว่าจะกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของเอเชียได้อย่างไร
ทั้งนี้จากนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม ได้แก่ การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เร่งรัดโครงการรถไฟฟ้า พัฒนาการขนส่งทางน้ำและกิจการพาณิชยนาวี และพัฒนาท่าอากาศยานสากล ท่าอากาศยานภูมิภาค และอุตสาหกรรมการบินของไทย เพื่อรองรับการเข้าร่วมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งรัฐบาลได้จัดทำแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฯ พ.ศ.2556-2563 วงเงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท ครอบคลุมทั้งการขนส่งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ โดยจะเน้นการลงทุนในระบบการขนส่งทางราง เนื่องจากมีแนวโน้มราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น และสามารถช่วยลดต้นทุนการขนส่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขนส่งได้ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาค
แต่ทั้งนี้ระบบรางมีข้อเสียคือ สามารถขนส่งจากสถานีถึงสถานีเท่านั้น จึงจำเป็นต้องมีระบบถนนการขนส่งทางถนนรองรับ เช่นเดียวกับการขนส่งทางน้ำ และอากาศ เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอีก 10-15 ปีข้างหน้า สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และทิศทางการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศของท่านและรัฐบาลปัจจุบันในอีก 8 ปีข้างหน้าได้เป็นอย่างดี โดยหลายประเทศในอาเซียนกำลังเร่งปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมพื้นที่และรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเช่นเดียวกับประเทศไทย
เมื่อพิจารณากรอบแผนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๖ — ๒๕๖๓วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,914,007 ล้านบาทโดยจำแนกการลงทุนเป็นรายโหมดหรือรายสาขาพบว่า โหมดการขนส่งสินค้าทางถนนจะมีการลงทุนจำนวน 648,995 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 33.91 ขณะที่โหมดการขนส่งสินค้าทางรางจะมีการลงทุนจำนวน 1,164,477 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 60.84 และโหมดการขนส่งทางน้ำจะมีการลงทุนจำนวน 63,606 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 3.32 โหมดการขนส่งทางอากาศจะมีการลงทุนจำนวน 36,927 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 1.93
เมื่อพิจารณาจากโหมดการลงทุนพบว่าภายใต้กรอบการลงทุนดังกล่าว รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการลงทุนระบบการขนส่งสินค้าทางรางมากที่สุดซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60.84 เหตุผลเนื่องจากเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางภูมิภาค โดยเฉพาะการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) หรือกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ซึ่งจะต้องมีการระบายสินค้าจากจีนตอนใต้ผ่านท่าเรือเชียงแสน2 ในอำเภอเชียงแสนจังหวัดเชียงรายลงมาผ่านไปยังท่าเรือปากบาราที่จังหวัดสตูล ซึ่งจะต้องมีก้างปลาหรือถนนและรางรถไฟที่เชื่อมโหมดหรือท่ารถขนส่งหรือสถานีหลักหรือแม้แต่ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบังหรือท่าเรือสงขลา
ขณะที่แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการพัฒนาระบบคมนาคาในพื้นที่ภาคตะวันออกได้แก่จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดในหลายโครงการโดยโครงการที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข ๓๐๔ (มีนบุรี — ฉะเชิงเทรา), ทางหลวงวงแหวนรอบนอก กทม. รอบที่ ๓, โครงการก่อสร้างทางคู่ สายฉะเชิงเทรา — คลองสิบเก้า — แก่งคอย, โครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) ต่อจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ — ชลบุรี — พัทยา — ระยอง, โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ ๓, ศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง, โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย เป็นต้นเพราะจะทำให้การขนส่งในพื้นที่ภาคตะวันออกมีความสะดวก ปลอดภัย ลดต้นทุนการขนส่งและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมโยงกับภูมิภาคอื่นๆทั้งในประเทศและภูมิภาค
อย่างไรก็ตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวข้างต้นแม้ว่าจะมีข้อดีและเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่ภาคตะวันออก แต่โครงการดังกล่าวก็สร้างผลกระทบด้านลบต่อพื้นที่ด้วยเช่นกัน อาทิ ทำให้เกิดการจราจรติดขัดหรือปัญหาคอขวดในบางพื้นที่ อันตรายจากยวดยานพาหนะที่คับคั่ง การเวนคืนที่ดินจากประชาชนในพื้นที่ก่อสร้าง เป็นต้น ผลที่ตามมาคือการต่อต้านและการคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ก่อสร้างและพื้นที่ใกล้เคียง ผมได้เคยลงพื้นที่สอบถามจากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งจะมีการก่อสร้างหรือการพัฒนาพบว่าหน่วยงานที่จะเข้าไปก่อสร้างหรือหน่วยงานภาครัฐยังขาดการสื่อสารประชาสัมพันธ์กับประชาชน หวังเพียงจะพึงสถาบันหรือบริษัทที่ปรึกษาที่จะลงพื้นที่เข้าไปทำประชาคมหรือการทำประชาพิจารณ์ การเข้าไปบอกกล่าวและการทำความเข้าใจแก่มวลชนรวมทั้งแก้ไขปัญหาให้กับชุมชนและประชาชนในพื้นที่
ผมมีตัวอย่างของการเข้าไปก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ยกตัวอย่างในพื้นที่หนึ่งที่หน่วยงานภาคของรัฐเข้าไปก่อสร้างถนนสายรองหรือระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญของประเทศ โดยก่อนก่อสร้างก็สัญญากับชาวบ้านในชุมชนว่าจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องของชาวบ้าน ต่อมาเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็ไม่ได้ดำเนินการตามที่สัญญากับชาวบ้านไว้ เมื่อหน่วยงานภาครัฐมีโครงการขนาดใหญ่เข้าไปเพื่อจะเชื่อมขยายจากโครงการเดิม พอจะทำประชาพิจารณ์หรือประชาคม ชาวบ้านในชุมชนนั้นแจ้งผมว่าพวกเขาจะคัดค้านจนถึงที่สุด เนื่องจากความไม่ไว้วางใจหน่วยงานของรัฐที่ไม่ได้แก้ไขปัญหาหรือทำตามที่ได้เคยสัญญากับพวกเขา
ซึ่งชาวบ้านหลายท่านบอกผมว่าไม่ได้ขัดขวางการก่อสร้างหรือความเจริญแต่ การก่อสร้างจะส่งผลกระทบต่อพวกเขา แต่ปัญหาหรือผลกระทบเหล่านั้นไม่ได้ถูกแก้ไขหรือใส่ใจที่จะดูแล และอีกประการหนึ่งคือก่อนจะทำอะไรก็ควรจะเข้าไปบอกประชาชนในพื้นที่ก่อน ควรทำความเข้าใจกับชาวบ้านชี้แจงข้อดีข้อเสียของโครงการ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะจากประชาคมในพื้นที่ ที่ชาวบ้านจำนวนหนึ่งคัดค้านเพราะส่วนหนึ่งเห็นว่าหน่วยงานภาครัฐจะทำอะไรในพื้นที่พวกเขาแล้วไม่บอก บางกลุ่มใช้คำว่าปกปิดหรือมีเจตนาแฝงที่ไม่ดี เป็นต้น
ข้อสังเกตที่อยากฝากไว้คือในการพัฒนาระบบการขนส่งในภาคตะวันออกให้ดีได้นั้นควรพิจารณาให้รอบครอบและควรพิจารณาระบบการขนส่งเดิมที่มีอยู่เพื่อต่อยอดระบบการขนส่งใหม่ ซึ่งโดยเฉพาะระบบการขนส่งทางถนนในบริเวณภาคตะวันออกมีปัญหาการจราจรเป็นอย่างมาก ยิ่งในจังหวัดชลบุรีที่ผมอาศัยอยู่นั้นทุกวันก่อนและหลังไปทำงานผมจะประสบปัญหาการจราจรติดขัดมาก เนื่องจากบริเวณชลบุรีนั้นมีโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีท่าเรือระหว่างประเทศคือท่าเรือแหลมฉบัง รวมทั้งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ทั้งไทยและเทศต่างมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย ซึ่งทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งควรพิจารณาของโครงการทั้งในระยะสั้นและในระยะยาวที่จะมีประชาชนจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์แฝงอยู่จากการมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณดังกล่าว
อีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวคือปัญหาเรื่องมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมก็เป็นประเด็นสำคัญ แม้ว่าโครงการเหล่านี้จะมีระเบียบให้ต้องทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือ EIA แต่หลายโครงการที่ผ่านการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้วก็ไม่ได้การันตีหรือรับประกันว่าจะไม่เกิดมลพิษหรือจะลด/ขจัดมลพิษได้ ดังนั้นควรจะมีมาตรการที่เหมาะสมนอกเหนือจากการทำ EIA มาใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ซึ่งจะมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
[...] อ่านต่อ [...]
facilitate@enslaving.oczakov” rel=”nofollow”>.…
hello!!…
stroke@rod.mouldering” rel=”nofollow”>.…
ñïñ….
barflies@alley.anterior” rel=”nofollow”>.…
thanks for information!…
screens@hindering.beech” rel=”nofollow”>.…
thanks!!…
scholastica@farmwifes.piazzo” rel=”nofollow”>.…
ñïñ….
picked@italicized.moneyed” rel=”nofollow”>.…
ñïñ!!…
sickening@tenure.inconspicuous” rel=”nofollow”>.…
ñïñ….
DreamProxies…
I found a great……