Threat or opportunity for Thai businessmen in Myanmar
โอกาสหรืออุปสรรคของนักธุรกิจไทยในพม่า
หลายคนอาจเข้าใจว่าประเทศพม่าเป็นประเทศเล็ก เป็นประเทศปิด แต่จริงๆแล้วกลับเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่กำลังจะมองหาโอกาสในการลงทุน หลายคนอาจจะบอกว่าน่าไปทำที่อื่นจะดีกว่า ความเสี่ยงน้อยกว่า ณ วันนี้พม่ากลายเป็นหลุมทองก้อนใหญ่ของหลายประเทศที่จะเข้าไปลงทุน เพื่อให้นักลงทุนคลายความกังวลผมจะบอกถึงโอกาสที่เป็นไปได้ครับ
สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนในสหภาพพม่า
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 1988 พม่าประกาศใช้กฎหมายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (The Union of Myanmar Foreign Investment Law: FIL) โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับประเทศและดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในพม่ามากขึ้น ทั้งนี้ภายใต้กฎหมายส่งเสริมการลงทุนฉบับนี้ รัฐบาลพม่าได้ให้สิทธิประโยชน์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆแก่นักลงทุนต่างชาติมากมาย ดังนี้
(a) นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในพม่าได้ทั้งในรูปแบบที่ต่างชาติเป็นเจ้าของ 100% (100% Foreign Owned) หรือในรูปของการร่วมลงทุน (Joint Venture) กับนักลงทุนท้องถิ่น
(b) นักลงทุนต่างชาติจะต้องร่วมทุนอย่างน้อยในอัตราร้อยละ 35 ของ Equity Capital ทั้งหมด นักลงทุนต่างชาติจะต้องลงทุนอย่างน้อย 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับธุรกิจอุตสาหกรรม (Manufacturing) และ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับธุรกิจบริการ (services)
(c) สิทธิประโยชน์ด้านภาษี อาทิเช่น
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (Tax Holiday) ในช่วง 3 ปีแรกของการประกอบธุรกิจ
- ยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรสะสมที่นำกลับมาลงทุนใหม่อีกครั้งภายในระยะเวลา 1 ปี หลังจากที่มีกำไรเกิดขึ้นธุรกิจ
- ธุรกิจส่งออกจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% ของผลกำไรที่ได้จากการส่งออก
- สิทธิในการชำระภาษีเงินได้สำหรับแรงงานชาวต่างชาติในอัตราเดียวกับผู้ปฏิบัติงานสัญชาติพม่า
- สิทธิในการชำระภาษีเงินได้ในฐานะของผู้ใช้แรงงานต่างชาติและนำไปคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายของกิจการได้
- สิทธิในการหักลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานวิจัยและพัฒนาสินค้า (R&D)
- สิทธิในการบันทึกค่าเสื่อมราคาสะสมในระบบบัญชี
- สิทธิในการจัดตั้งบัญชีขาดทุนสะสมนาน 3 ปีติดต่อกัน นับตั้งแต่มีสภาพการขาดทุนเกิดขึ้นต่อกิจการ
- ยกเว้นภาษีศุลกากร สำหรับนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในช่วงระยะเวลาการก่อสร้างสำนักงาน
- ยกเว้นศุลกากร สำหรับนำเข้าวัตถุดิบเป็นระยะเวลา 3 ปีแรกในการดำเนินกิจการ
(d) สิทธิในที่ดิน
- นักลงทุนต่างชาติไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้ แต่สามารถเช่า (Lease) ที่ดินได้ในระยะเวลานานถึง 30 ปี หรือนานกว่านั้น ตามการพิจารณาของ MIC และรัฐบาล
- ตามกฎหมาย Transfer of Immovable Property Restriction Law (1987) นักลงทุนต่างชาติไม่สามารถเช่าที่ดินจากภาคเอกชนได้นานเกิน 1 ปี
- นักลงทุนต่างชาติสามารถเช่าพื้นที่ดำเนินการระยะยาว (Long Term Lease) ได้จากรัฐบาลพม่า โดยค่าเช่าพื้นที่ในพื้นที่อุตสาหกรรม (Industrial Zone) ของรัฐบาล อยู่ในอัตรา 3 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อตารางเมตรต่อปี
(e) ธุรกิจต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในพม่าภายใต้กฎหมายการลงทุนจากต่างประเทศจะไม่ถูกยึดกิจการมาเป็นของพม่า (shall not be nationalized) ทั้งนี้ พม่าอนุญาตให้จัดส่งเงินทุน (Capital) และผลกำไรสุทธิ (Net Profit) กลับไปยังประเทศแม่ได้
(f) รัฐบาลพม่าให้ความคุ้มครองนักลงทุนชาวต่างชาติตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ เช่น อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติโอนเงินทุนและผลกำไรกลับประเทศได้ และให้การรับรองว่ากิจการของนักลงทุนต่างชาติจะไม่ถูกยึดหรือถูกโอนไปเป็นของรัฐบาลในช่วงระหว่างที่ได้รับอนุญาตให้ลงทุน หรือช่วงที่ขยายเวลาในการลงทุนออกไป (ถ้ามี) ยกเว้น เป็นการกระทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติจะได้รับเงินชดเชยตามความเหมาะสม
สถาบันการเงินของสหภาพพม่า
ในปัจจุบันระบบการธนาคารของพม่า ประกอบด้วย ธนาคารกลาง ธนาคารเฉพาะด้านของรัฐ จำนวน 4 แห่ง ธนาคารพาณิชย์เอกชนของพม่าประมาณ 8 แห่ง และสำนักงานตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ต่างชาติประมาณ 11 แห่ง ซึ่งมีลักษณะการดำเนินงาน ดังนี้
ก. ธนาคารกลางแห่งสหภาพพม่า (The Central Bank of Myanmar) ทำหน้าที่ควบคุมสถาบันการเงินทั้งหมด กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากอัตราส่วนของสินทรัพย์และหนี้สิน อัตราแลกเปลี่ยนและออกธนบัตร
ข. ธนาคารเฉพาะด้านของรัฐ ได้แก่
- The Myanmar Economic Bank (MEB) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านสินเชื้อแก่รัฐ และเอกชนในพม่าพร้อมทั้งบริการรับฝากผ่านสาขา 259 แห่งทั่วประเทศ โดยมี Myanmar Small Loans Enterprise ซึ่งเป็น สาขาของ Myanmar Economic Bank ดูแลสถานธนานุเคราะห์
- The Myanmar Foreign Trade Bank (MFTB) ทำหน้าที่ให้บริการด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและธุรกิจการธนาคารระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออกของพม่า ธนาคารนี้ไม่รับฝากสะสมทรัพย์ มีแต่บัญชีเดินสะพัด และให้กู้เป็นเงินตราต่างประเทศ ภายใต้การอนุมัติของรัฐในรูปตั๋วสัญญาใช้เงิน
- The Myanmar Agriculture and Rural Development Bank (MARDB) ทำหน้าที่ให้บริการด้านการเงินแก่ภาคเกษตรกรรมภายในประเทศ เช่น การให้เงินกู้แก่เกษตรกร โดยผ่านธนาคารในท้องถิ่น (Village Bank) ให้เงินกู้สหกรณ์และธุรกิจที่ประกอบกิจการทางด้านการเกษตร และปศุสัตว์
- The Myanmar Investment and Commercial Bank (MICB) ทำหน้าที่ให้บริการด้านสินเชื่อแก่หน่วยธุรกิจที่ลงทุนในสหภาพพม่า รับฝากเงินระยะสั้น และระยะยาว โดยให้ดอกเบี้ยตอบแทนการจัดหาเงินกู้เพื่ออสังหาริมทรัพย์และการลงทุน
ค. ธนาคารพาณิชย์เอกชน ธนาคารพาณิชย์เอกชนของสหภาพพม่าได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจเฉพาะภายในประเทศ (Domestic Business) เท่านั้น ไม่สามารถทำธุรกิจด้านต่างประเทศได้ (Foreign Transaction) ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์เอกชนของสหภาพพม่ามี 8 แห่ง ได้แก่
- The Myanmar Citizen Bank เป็นธนาคารเอกชนรายแรก เป็นการร่วมลงทุนระหว่างบริษัท Joint Venture Corporation Limited และรัฐบาลพม่า
- The Yangon City Bank
- The First Private Bank
- The Myawaddy Bank
- The Co-operative Bank
- The Yoma Bank
- The Yadanarbon Bank
- The East Oriented Bank
ง. ธนาคารต่างประเทศ (สำนักงานตัวแทน)
ภายใต้กฎหมายธนาคารกลางของพม่าที่เรียกว่า Central Bank of Myanmar Law and the Financial Institutions of Myanmar Law กำหนดให้ธนาคารต่างประเทศได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นสำนักงานตัวแทน (Representative Office) ได้เท่านั้นและดำเนินธุรกิจได้เพียงการเป็นสำนักงานติดต่อประสานงาน (Liaison) ในปัจจุบันสำนักงานผู้แทนของธนาคารต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เปิดสำนักงานและดำเนินการแล้ว มีธนาคารพาณิชย์ของไทย 6 ธนาคาร และอีก 5 แห่งเป็นธนาคารของประเทศสิงคโปร์ และประเทศอื่น ๆ ดังนี้
- ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) - ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) - ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) - ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) - ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) |
- The Banque Indosuez
- The Development Bank of Singapore - The United Overseas Bank Singapore - The Overseas Chinese Bank Corporation - The Kepple Bank of Singapore |
การลงทุนจากต่างประเทศในสหภาพพม่า
ตั้งแต่พม่าเปิดประเทศในปี 1988 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2549 คณะกรรมาธิการส่งเสริมการลงทุนแห่งสหภาพพม่า (Myanmar Investment Commission : MIC) อนุมัติโครงการลงทุนจากต่างประเทศจำนวน 398 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 7,785.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากประเทศผู้ลงทุนทั้งหมด 27 ประเทศ ประเทศที่มีมูลค่าเงินลงทุนสะสมในพม่ามากที่สุด คือ สหราชอาณาจักร รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ และไทย ตามลำดับ ดังแสดงในตารางที่ 1 ประเภทธุรกิจที่มีมูลค่าการลงทุนมากที่สุด คือ การขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รองลงมา ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและการท่องเที่ยว และเหมืองแร่ ตามลำดับ ดังแสดงในตารางที่ 2 อย่างไรก็ตามในปี 2553 ประเทศไทยเป็นประเทศที่ลงทุนในสหภาพพม่าเป็นอันดับที่ 1 โดยภาคเอกชนไทยลงทุนในสหภาพพม่ารวมทั้งสิ้น 61 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนสะสมตั้งแต่ปี 2531-2553 คิดเป็นมูลค่า 9,568.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 30 ของการลงทุนจากต่างประเทศในพม่าทั้งหมด ส่วนประเทศที่ลงทุนในพม่าเป็นอันดับที่ 2 คือ จีน และอันดับที่ 3 คือ ฮ่องกง การลงทุนของไทยในพม่าที่สำคัญ ได้แก่ สาขาพลังงาน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เหมืองแร่ สาขาอุตสาหกรรม ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ปศุสัตว์และประมง การแปรรูปสินค้าเกษตรกรรม และสาขาโรงแรมและการท่องเที่ยว ตามลำดับ
ตารางที่ 1: การลงทุนจากต่างประเทศสะสมที่ได้รับการอนุมัติจากทางการพม่า
(ตั้งแต่ปี 1988 – 31 มกราคม 2010) จำแนกตามประเทศผู้ลงทุน
ประเทศผู้ลงทุน | จำนวน (โครงการ) | เงินลงทุน | |
ล้านดอลลาร์สหรัฐ | สัดส่วน (%) | ||
|
40 | 1,569.5 | 20.2 |
|
70 | 1,432.2 | 18.4 |
|
56 | 1,345.6 | 17.3 |
|
33 | 660.7 | 8.5 |
|
31 | 504.2 | 6.5 |
|
3 | 470.4 | 6.0 |
|
15 | 243.6 | 3.1 |
|
12 | 241.5 | 3.1 |
|
5 | 238.8 | 3.1 |
10. ญี่ปุ่น | 23 | 215.3 | 2.8 |
11. อื่นๆ | 110 | 862.1 | 11.0 |
รวม | 398 | 7,785.9 | 100 |
หมายเหตุ: * = Inclusive of enterprises incorporated in British Virgin Islands, Bermuda Islands and Cayman Islands.
ที่มา : Myanmar Investment Commission (MIC)
ตารางที่ 2: การลงทุนจากต่างประเทศสะสมที่ได้รับการอนุมัติจากทางการพม่า
(ตั้งแต่ปี 1988 – 31 มกราคม 2010) จำแนกตามประเภทธุรกิจ
ประเภทธุรกิจ | จำนวน (โครงการ) | เงินลงทุน | ||
ล้านดอลลาร์สหรัฐ | สัดส่วน (%) | |||
|
71 | 2,634.9 | 33.8 | |
|
152 | 1,610.4 | 20.7 | |
|
19 | 1,056.5 | 13.6 | |
|
43 | 1,034.6 | 13.3 | |
|
58 | 534.9 | 6.9 | |
|
16 | 313.3 | 4.0 | |
|
24 | 312.4 | 4.0 | |
|
3 | 193.1 | 2.5 | |
|
2 | 37.8 | 0.5 | |
10. เกษตรกรรม | 4 | 34.3 | 0.4 | |
11. บริการอื่น ๆ | 6 | 23.7 | 0.3 | |
รวม | 398 | 7,785.9 | 100.0 | |
ที่มา : Myanmar Investment Commission (MIC)
โครงการลงทุนที่สำคัญจากต่างประเทศ
(1) โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและเส้นทางรถไฟ
บริษัทของจีนเข้าไปลงทุนท่าเรือน้ำลึกและคลัง เก็บน้ำมันดิบที่เมืองเจียวเพียว (Kyaukpyu) รัฐอาระกัน (Arakan State) บริเวณอ่าวเบงกอลในทะเลอันดามัน และก่อสร้างท่อส่งน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางและแอฟริกาและท่อขนส่งก๊าซ ธรรมชาติคู่ขนานผ่านดินแดนพม่าระยะทาง 800 กิโลเมตรตามเส้นทางเจียวเพียว-มัฆฑะเลย์-ลาโช-มูเซ และต่อไปที่เมืองรุ่ยลี่ของจีน คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในปี 2556 ซึ่งจะทำให้จีนลดการพึ่งพาการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางผ่านช่องแคบมะละกา ที่เสี่ยงต่อการถูกปิดกั้นในสภาวะสงคราม นอกจากนี้ จีนยังพัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมเมืองเจียวเพียว ไปสู่ชายแดนเมืองรุ่ยลี่ในมณทลยูนนานของจีนอีกด้วย
(2) โครงการพัฒนาท่าเรือซิตตะเว (Sittewe)
รัฐบาลอินเดียได้มีโครงการร่วมมือทางเศรษฐกิจ กับรัฐบาลพม่าในการพัฒนาท่าเรือชิตตะเว ในอ่าวเบงกอล ซึ่งจะช่วยให้พื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่ไม่มีทางออกทะเลสามารถออกทางอ่าวเบงกอลได้ โครงการนี้คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2555
(3) โครงการพัฒนาท่าเรือทวาย (Dawei) หรือทวายโปรเจค (Dawei Project)
รัฐบาลไทยได้ลงนามความร่วมมือครั้งแรกกับ รัฐบาลพม่าในการก่อสร้างท่าเรือทวายเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2551 ต่อมาได้ลงนามในเอกสารเพิ่มเติม ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ที่จัดขึ้นที่หัวหินเมื่อเดือนตุลาคม 2552 เพื่อยกระดับโครงการนี้เป็นยุทธศาสตร์ประเทศ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
- โครงการ นี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดทวายของพม่า มีมูลค่าลงทุนรวมสูงถึง 4 แสนล้านบาท หรือกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งยังจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับพม่าอีกไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท
- เป็นโครงข่าย Westgate Landbridge หรือเส้นทางเชื่อมโยงชายฝั่งทะเลตะวันตก-ทวาย หรือ Dawei (พม่า)- บ้านพุน้ำร้อน (ไทย)-กาญจนบุรี-ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และเป็นลักษณะ Port City อันประกอบด้วยท่าเรือน้ำลึก ที่เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ประมาณ 3 แสนเดทเวทตัน สามารถเข้าไปจอดในระยะห่างจากท่าเรือ 5-10 กิโลเมตรได้ อู่ต่อเรือขนาดใหญ่ เขตนิคมอุตสาหกรรม ที่จะมีโรงงานผลิตปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า โรงงานเหล็ก ที่พักอาศัย พื้นที่ส่วนราชการเพื่อดูแลการบริหารจัดการ รวมทั้งอ่างเก็บน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นฐานการผลิตและประตูการขนส่งด้านฝั่งทะเลตะวันตกของ ไทย ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาในการขนส่งสินค้าจากทะเลจีนใต้มายังทะเลอันดามัน หรือจากเวียดนามมายังพม่าเพียง 6 วัน จากปัจจุบันที่ต้องใช้เวลาในการขนส่งนานถึง 16-18 วัน
- บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้ร่วมลงนามใน Framework Agreement กับ Myanmar Port Authority, Ministry of Transport ของสหภาพพม่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เพื่อรับสัมปทานในการดำเนินการพัฒนาโครงการนี้ทั้งหมด โดย ITD จะได้เชิญนักลงทุนที่มีความชำนาญในแต่ละประเภทธุรกิจเข้ามาร่วมลงทุนใน โครงการดังกล่าว โดยสัญญาฉบับนี้มีอายุ 60 ปี ซึ่งสามารถต่ออายุสัญญาได้อีกตามที่จะตกลงในอนาคต สำหรับระยะเวลาการก่อสร้างโครงการประมาณ 10 ปี แบ่งเป็นช่วงเวลา (Phasing) ดังนี้
- Phase 1 ระยะเวลา 5 ปี (1 มกราคม 2554 – 31 ธันวาคม 2558) ประกอบด้วยท่าเรือน้ำลึกพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โครงข่ายถนนหลักภายในโครงการและสาธารณูปโภคพื้นฐานหลักของนิคมฯ และเส้นทางเชื่อมต่อโครงการไปยังประเทศไทย ใน Phase 1 นี้จะสร้างท่าเรือและถนนไปพร้อมกัน ระยะแรกจะเป็นถนนมาตรฐาน 4 เลน และขยายเป็น 8 เลนในระยะ 10 ปี โดยจะเก็บค่าผ่านทางจากทวายถึงบ้านพุน้ำร้อน ระยะทาง 160 กิโลเมตร ในส่วนของไทยโดยกรมทางหลวงจึงต้องเตรียมถนนมอเตอร์เวย์จากบางใหญ่มาที่ กาญจนบุรี ระยะทาง 97 กิโลเมตร และจากกาญจนบุรีมาที่บ้านพุน้ำร้อน 60 -70 กิโลเมตร (ดังแสดงในแผนภาพที่ 1)
- Phase 2 มีระยะเวลา 5 ปี จะเริ่มหลังจาก Phase ที่ 1 เริ่มไปได้ 3 ปี (1 มกราคม 2556 – 31 ธันวาคม 2561) ประกอบด้วยโครงข่ายถนนภายในโครงการระยะที่ 2 และระบบสาธารณูปโภคเพิ่มเติมของโครงการรวมทั้งศูนย์การค้าและศูนย์ราชการ (ดังแสดงในแผนภาพที่ 2)
- Phase 3 มีระยะเวลา 5 ปี จะเริ่มหลังจาก Phase 1 แล้วเสร็จ (1 มกราคม 2559-31 ธันวาคม 2563) ประกอบด้วยท่าเรือ น้ำลึกส่วนที่ 2 พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงข่ายถนนภายในโครงการเต็มรูปแบบ รวมทั้งทางรถไฟ Standard Gauge รางกว้าง 1.435 เมตร จากโครงการถึงประเทศไทย ระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง จากโรงไฟฟ้าในพื้นที่โครงการถึงประเทศไทย และระบบท่อส่งน้ำมัน และก๊าซจากโครงการถึงประเทศไทย(ดังแสดงในแผนภาพที่ 3)
แผนภาพที่ 1: เส้นทางก่อสร้างถนนโครงการก่อสร้างท่าเรือทวายในส่วนของประเทศไทยจากบางใหญ่-บ้านพุน้ำร้อน
แผนภาพที่ 2: โครงการก่อสร้างท่าเรือทวายใน Phase 2 และ 3
- โครงการท่าเรือทวาย สหภาพพม่าให้สิทธิพิเศษเป็นเขตเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (Dawei Special Economic Zone: DSEZ) ซึ่งถือเป็นแห่งแรกของสหภาพพม่าและน่าจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะได้รับสิทธิพิเศษในการขออนุมัติด้านต่าง ๆ อาทิ สิทธิพิเศษนำเข้าเครื่องจักร คนงาน วัสดุ ฯลฯ หากผลิตในเขตเศรษฐกิจพิเศษ DSEZ จะได้รับยกเว้นภาษี โดยแผนภาพที่ 1.11 แสดงสิทธิประโยชน์ในด้านการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้
แผนภาพที่ 3: สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (DSEZ)
โอกาสในการลงทุนและลู่ทางในการทำการค้า
สหภาพพม่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุน เพื่อผลิตสินค้ารองรับการบริโภคภายในประเทศและเพื่อการส่งออก แม้ว่าสหภาพพม่าจะเปิดให้นักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาทุน สหภาพพม่ายังคงจำกัดการลงทุนจากต่างชาติให้สามารถลงทุนได้ในบางประเภทอุตสาหกรรมเพื่อปกป้องธุรกิจภายในประเทศ โดยธุรกิจที่สำคัญ เช่น การเพาะปลูกและการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ แปรรูปเนื้อสัตว์ ประมงและการแปรรูปอาหารสัตว์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการรักษาสัตว์ เป็นต้น อย่างไรก็ตามสินค้าไทยที่มีศักยภาพและมีลู่ทางในการขยายตลาดในพม่า ได้แก่
- สินค้าอุปโภคบริโภค มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสหภาพพม่าไม่สามารถผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคได้เพียงพอกับความต้องการบริโภค และอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคของสหภาพพม่ายังเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง ทำให้ต้องการสินค้าในหมวดนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้ประกอบการและผู้ส่งออกของไทย ควรเพิ่มการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคเข้าไปสู่ตลาดพม่าให้มากขึ้น และใช้สหภาพพม่าเป็นฐานในการกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคไปสู่ตลาดเอเซียใต้ ได้แก่ อินเดีย บังคลาเทศ และจีนได้
- สินค้าวัตถุดิบและอะไหล่สำหรับอุตสาหกรรม สหภาพพม่าต้องการส่งเสริมให้มีการลงทุนในประเทศเพื่อการบริโภคภายในประเทศและเพื่อการส่งออก ทำให้มีการขยายตัวด้านการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อการส่งออกส่งผลให้สหภาพพม่ามีความต้องการสินค้าประเภทนี้เป็นจำนวนมาก ผู้ส่งออกของไทยควรเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าในหมวดนี้ให้มากขึ้น
- สินค้าประเภททุน ยังเป็นที่ต้องการอย่างมากจากตลาดสหภาพพม่า เนื่องจากสหภาพพม่ายังต้องพัฒนาอุตสาหกรรมด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศอยู่หลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบสาธารณูปโภค และเส้นทางคมนาคมการขนส่งทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศอีกหลายเส้นทาง ดังนั้นการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการค้าจากกลุ่มประเทศเอเซียทำให้สหภาพพม่าต้องนำเข้าสินค้าในหมวดนี้มาก ผู้ส่งออกของไทยควรเร่งติดต่อผู้นำเข้าที่มีศักยภาพของสินค้าในหมวดนี้
และเนื่องด้วยสหภาพพม่าเป็นประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่ และสหภาพพม่ามีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเหมาะแก่การเป็นฐานทางด้านวัตถุดิบ รวมทั้งรัฐบาลพม่าได้ให้การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก กิจการที่ควรลงทุนในสหภาพพม่ามีดังต่อไปนี้
- การประมง สหภาพพม่ายังมีความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลอยู่มาก และรัฐบาลพม่าได้ให้สัมปทานการประมงแก่บริษัทต่างชาติ โดยกำหนดให้เป็นการร่วมลงทุนเท่านั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนของไทย ที่จะเข้าไปร่วมลงทุนทำการประมง นอกจากนี้การลงทุนในกิจการต่อเนื่องทางด้านการประมง ก็เป็นลู่ทางการลงทุนที่น่าสนใจมาก และรัฐบาลพม่าเองก็สนับสนุนธุรกิจการประมงแบบครบวงจร
- การทำเหมืองแร่ สหภาพพม่ามีแร่ธาตุและอัญมณีอยู่ตามรัฐต่างๆ ประมาณ 16 รัฐ ซึ่งการทำเหมืองแร่ในปัจจุบันสหภาพพม่ายังใช้เทคโนโลยีที่ล้าสมัย รัฐบาลพม่าต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อนำเทคโนโลยีและเงินลงทุนเข้ามาพัฒนาการทำเหมืองแร่ในสหภาพพม่าจึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนไทย ที่จะเข้าไปลงทุนอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในพม่า
- อุตสาหกรรมแปรรูปไม้ สหภาพพม่ามีพื้นที่ป่าไม้ ประมาณร้อยละ 42.30 ของพื้นที่ทั้งหมด และป่าไม้ที่มีส่วนใหญ่จะเป็นไม้สัก ปัจจุบันรัฐบาลพม่ากำหนดให้เอกชนพม่าเป็นผู้ทำไม้เท่านั้น และมีนโยบายส่งเสริมการส่งออกไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป
- อุตสาหกรรมการเกษตร สหภาพพม่าสามารถผลิตสินค้าเกษตรได้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีเทคโนโลยีและเงินลงทุนในการสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร
- ธุรกิจก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เพื่อรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของสหภาพพม่าในด้านต่างๆ และรองรับการขยายตัวด้านอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการในสหภาพพม่า
- ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว สหภาพพม่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวนี้ จึงเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่นักธุรกิจไทยน่าจะเข้าไปลงทุน
create@nahce.choosy” rel=”nofollow”>.…
tnx for info!…
jot@rummy.forces” rel=”nofollow”>.…
tnx for info….
fertilizers@compete.pliers” rel=”nofollow”>.…
tnx for info!…
krauts@side.ingratitoode” rel=”nofollow”>.…
ñýíêñ çà èíôó!…
younguh@thudding.anomaly” rel=”nofollow”>.…
thank you!!…
stage@arteriolar.dour” rel=”nofollow”>.…
ñýíêñ çà èíôó!…
unwittingly@conspired.workpiece” rel=”nofollow”>.…
thank you!…
replenished@assistant.attempted” rel=”nofollow”>.…
tnx….
foursome@expectancy.swathed” rel=”nofollow”>.…
good info….
vallee@sliding.eats” rel=”nofollow”>.…
ñïàñèáî çà èíôó!…
Fastest Proxy…
I found a great……