ความพอดี กับโซ่อุปทาน

Sustainability and Supply Chain

ความพอดี กับโซ่อุปทาน

สุวัฒน์ จรรยาพูน

อาจารย์สาขาวิชาการจัดการลอจิสติกส์และโซ่อุปทาน

คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

                หนังสือนวนิยายกำลังภายใน มักจะมีภาษิตสอดแทรก ชวนให้คิดอยู่เสมอ มีหลายๆ ภาษิตที่ชอบ ซึ่งผมเคยได้ยินมาในรูปแบบเดิมๆ แต่เมื่อนำมาร้อยเรียงด้วยคำและลีลาแบบใหม่ ก็ทำให้เข้าใจได้ชัดเจนขึ้น เช่น ภาษิตที่ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ไม่เพลี่ยงพล้ำ” ซึ่งอ่านแล้วคิดตามจะได้ความหมายและความเป็นจริงมากกว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” เป็นไหนๆ เมื่อไม่นานมานี้ ได้ฟังภาษิตในเรื่องที่ผมไม่ได้อ่านจากรุ่นพี่ผมแล้วรู้สึกชอบมาก เพราะมีสองรสก็คือทั้งให้แง่คิดบวกกับความฮา ภาษิตนี้เขียนว่า “ถอดกางเกงผายลม ทั้งยุ่งยาก ทั้งไม่จำเป็น” ฟังดูแล้วได้ความว่าให้ทำแต่พอดี ทำเท่าที่จำเป็น หากทำเกินพอดีก็จะพบกับความสูญเปล่า และความยุ่งยาก

                “ถอดกางเกงผายลม” ก็เหมือนองค์กร หรือบุคลากรไม่มีแนวคิดของโซ่อุปทานในการทำงาน ทำให้เกิดการทำงานที่ยุ่งยากและไม่จำเป็นอยู่เต็มไปหมด แต่ความยากในองค์กรมักจะอยู่ที่ว่า ความพอดีอยู่ตรงไหน หลายๆ กิจกรรม โดยเฉพาะการเก็บรวบรวมข้อมูล มักจะเกิดปัญหาว่าอะไรควรเก็บ อะไรไม่ควรเก็บ เพราะหลายครั้งเรามักจะบ่นว่า “รู้อย่างนี้ เก็บข้อมูลให้ละเอียดกว่านี้ดีกว่า จะได้วิเคราะห์อะไรได้มากขึ้น” ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้วิธี “เอาไว้ก่อน” คือ ไม่รู้ว่าสำคัญหรือเปล่าก็เก็บไว้ก่อน ส่งผลให้เกิดความรกรุงรัง และยุ่งยากในการประมวลผล

                การมองหาความพอดี หรือมองหาเหตุผลว่าอะไรควร อะไรไม่ควร องค์กรญี่ปุ่นจะสอนให้พนักงานพิจารณาหาเหตุผล “ในมุมมองของลูกค้า” ก็คือการรู้จัก เอาใจเขามาใส่ใจเรา ตามภาษิตไทย โดยให้สอบถามตนเองอยู่เสมอว่ากิจกรรมที่กำลังดำเนินอยู่นี้จำเป็นหรือไม่ในมุมมองของลูกค้า เพราะงานที่ทำหากลูกค้าไม่ต้องการก็คืองานที่ไม่จำเป็น ซึ่งงานที่ไม่จำเป็นนี้ก็จัดได้เป็น 2 กลุ่ม คือ “หลีกเลี่ยงได้” และ”หลีกเลี่ยงไม่ได้” งานที่หลีกเลี่ยงได้ก็ให้ดำเนินการปรับปรุง ส่วนงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรที่จะบันทึกไว้ เพราะในอนาคตเมื่อเทคโนโลยี และสถานการณ์เปลี่ยนไปอาจจะมีหนทางที่สามารถปรับปรุงก็เป็นได้ เพื่อนผมมักเรียกว่า “ให้อาฆาตไว้ก่อน”

                ส่วนการสอบถามตนเองอยู่เสมอนี้ ก็เพื่อให้พิจารณาอยู่ตลอดเวลา เพราะเมื่อเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน และที่สำคัญความต้องการของลูกค้าก็เปลี่ยน ทำให้งานที่จำเป็น และไม่จำเป็นก็เปลี่ยนไปได้ การคิดและถามตนเองในมุมมองของลูกค้าอยู่เสมอนี้ ทำให้องค์กรสามารถพัฒนาไปพร้อมๆ กับความต้องการของลูกค้า เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

                การคิดในมุมมองของลูกค้านี้ จะเรียกว่า ง่าย ก็ ง่าย ถ้าทำอย่างชำนาญ แต่หลายองค์กรมักจะบอกว่า ยาก เพราะ “ติดกับดักความคิดของตนเอง” เนื่องจากเรามักจะคิดเข้าข้างตัวเอง และทราบข้อจำกัดของตัวเอง จนทำให้คิดแบบหลงประเด็น คือ ไม่ได้ยึดที่ตัวลูกค้าเป็นที่ตั้งตลอดเวลา มีหลายครั้งที่แว๊บเข้าข้างตนเองแล้วก็เกิดอาการ “หลุด” จากความคิดของลูกค้าไปทันที

                มีกรณีหนึ่งที่ผมเพิ่งได้ยินจากโรงงาน คือ มีหนังสือจากลูกค้าขอผ่อนผันการชำระหนี้การค้าไป 24 งวด ซึ่งทางโรงงานเองก็ไม่ไหวต้องขาดสภาพคล่องแน่นอน ซึ่งทางฝ่ายเร่งรัดหนี้ก็ได้ทำหนังสือไปต้องการให้ลูกค้าทราบว่าให้ผ่อนผันไม่ได้ เพราะทางบริษัทก็มีปัญหาด้านสภาพคล่อง แต่มีย่อหน้าสุดท้ายระบุว่าหากท่านผิดนัดชำระหนี้ทางบริษัทจะต้องเรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (ตามข้อตกลงที่เคยคุยกับลูกค้าในสภาพปกติ) หากมองในมุมของฝ่ายเร่งรัดหนี้ ก็ดูสมเหตุสมผลดี ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด แต่หากคิดในมุมมองของลูกค้า (ที่ไม่มีเงินจ่าย) ก็เห็นว่าบริษัทยินดีที่จะให้ผ่อนผันหนี้ในครั้งนี้ โดยจะขอปรับเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ส่วนเรื่องขาดสภาพคล่องของบริษัทนั้น ทางลูกค้าไม่สนใจหรอกครับ

                การบันทึกข้อมูลเบิกจ่ายอะไหล่สินค้าในสต๊อก และการจัดระเบียบในที่ทำงานของช่างซ่อมบำรุง มักจะเป็นปัญหาในหลายโรงงานที่ไม่มีระเบียบวินัย เนื่องจากเป็นความเคยชินของมนุษย์ทั่วไปที่มักจะไม่ชอบการเขียนเบิกและจัดระเบียบ โดยมองว่ามันยุ่งยากและไม่จำเป็น ผลก็คือมักจะสร้างความยุ่งยากกว่า และก่อให้เกิดความไม่จำเป็นกว่าในกรณีที่หาของไม่พบ และสต๊อกไม่ตรง

                แนวคิดของ 5ส. ก็จะเข้ามาเสริมและช่วยในการเบิกเครื่องมือ กล่าวคือ มีการจัดเรียงเครื่องมือให้เป็นที่เป็นทางโดยแขวนอย่างเรียบร้อยบนกระดาน และใช้ปากกาเขียนโครงรูปของเครื่องมือนั้นบนกระดานด้วย เมื่อเครื่องมือถูกหยิบออกไปใช้ ก็ให้แขวนบัตรผู้หยิบไปใช้ เพื่อจะได้ทราบว่าใครเบิกเครื่องมืออะไรไปบ้าง ส่วนการเบิกอะไหล่ก็มักจะใช้เทคนิค 2-Bin System เข้ามาช่วย ทำให้ทราบว่าอะไหล่ทุกชนิดมีจำนวน 2 หน่วยเสมอ หากเห็นว่าเหลือ 1 ชิ้น แสดงว่ามีการนำไปใช้ ซึ่งจะต้องให้เขียนใบสั่งซื้อใหม่จำนวน 1 หน่วยทันที ซึ่งเทคนิคทั้งสองวิธี ช่วยให้สามารถใช้ Visual Control หรือการควบคุมด้วยสายตา ทำให้ช่างสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น และหัวหน้าก็สามารถตรวจสอบได้สะดวก

                ผมมีโอกาสได้ไปเชียงใหม่ (อีกครั้ง) ตอนค่ำๆ ก็มีเวลาไปเดินหาอะไรรับประทานที่หลังมอ (มอ คือ ชื่อย่อของคำว่ามหาวิทยาลัย) เดินไปชมไปหลายร้าน ก็ได้ความว่า ร้านที่คนเยอะ นอกจากความอร่อย แล้วยังมีเมนูที่แปลกและน่าสนใจ ซึ่งเมนูที่ว่าก็เขียนไว้เต็มกระดานอ่านได้ชัดเจนดี ซึ่งผมก็เลือกร้านที่มีนักศึกษาเยอะๆ (อาศัยเจ้าถิ่นเป็นไกด์นำทาง) เลือกเมนูที่ชอบ และเพิ่มเมนูที่แปลกแต่น่าสนใจก็คือ “ไข่เจียวดาว” ชื่อพื้นๆ ดีครับ แต่อยากลอง ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง

อีกคืนหนึ่งก็มาที่หน้ามอ มาสะดุดที่รถเข็นขายโรตี ที่มีคนรอเยอะมาก เมื่อเข้าไปใกล้ๆ ก็พบความน่าสนใจ เพราะมีโรตี ที่หลากหลายกว่าในกรุงเทพฯ มีให้เลือกมากกว่า โรตีธรรมดา โรตีใส่ไข่ โรตีใส่กล้วยหอม และมะตะบะ อีกมาก ผมว่าน่าจะราวๆ 20 รายการ สุดท้ายผมก็เลือกที่ไม่แปลกมาก และคิดว่าน่าสนใจก็คือ “โรตีชีส” กินแล้วก็ไม่แปลกใจที่มีคิวรอยาว (แต่ไม่นาน) ร้านที่ผมเลือกคิดว่าเข้าใจมุมมองของลูกค้าได้ดี การสร้างสรรเมนูที่หลากหลาย เหมาะกับนักศึกษาที่ชอบลอง ช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้มากกว่าร้านปกติธรรมดา

ความหลงใหลในตนเอง จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเห็นแก่ตัว ซึ่งนับว่าเป็นความไม่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งของโซ่อุปทาน ซึ่งก็มีคำอธิบายมากมาย ตัวอย่างเช่นในกรณีของ ทฤษฎีเกมส์ มีอยู่ว่าหากเราและคู่แข่งใช้กลยุทธ์ตั้งราคาสูง จะทำให้ได้กำไรคนละ 50 ล้านบาท แต่ถ้าใครใช้กลยุทธ์ตั้งราคาต่ำส่วนอีกฝ่ายตั้งราคาสูง บริษัทที่ตั้งราคาต่ำก็จะได้กำไร 100 ล้านบาท ส่วนอีกฝ่ายจะขาดทุน 50 ล้านบาท และถ้าทั้งสองบริษัทใช้กลยุทธ์ตั้งราคาต่ำ ก็จะมีกำไรคนละ 10 ล้านบาท

จะพบว่า ถ้าเรามีความซื่อตรงกับคู่แข่ง โดยสัญญากันว่าจะตั้งราคาสูง ก็จะได้กำไร 50 ล้านบาทตลอดไป แต่หากมีบริษัทหนึ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อสัญญาผลก็คือจะทำให้ได้กำไร 100 ล้านบาท แต่เพื่อนจะขาดทุน 50 ล้านบาท ซึ่งคู่แข่งก็ย่อมจะไม่ยอมขาดทุนจึงต้องตั้งราคาต่ำบ้าง ผลก็คือสุดท้ายต่าง คนก็ต่างตั้งราคาต่ำ (เพราะไม่เชื่อใจกัน) จึงได้กำไรเพียงคนละ 10 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ตลาดมีศักยภาพมากกว่านี้ กำไรที่เคยได้ 50 ล้านบาทก็จะสูญสลายไป เพราะความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้เพียงชั่ววูบเท่านั้น

โซ่อุปทานทีมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันทั้งจากภายในและภายนอกองค์กรอย่างจริงจังและจริงใจ ซึ่งหลักการของการทำงานและการอยู่ร่วมกันก็คือ เรื่องของ “ใจเขาและใจเรา” โดยจะทำการตัดสินความถูกต้องด้วย “มุมมองของลูกค้า” ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นถึงกิจกรรมที่จำเป็น และไม่จำเป็น ทำให้เราลดจำนวนครั้งของการถอดกางกางผายลมได้ครับ

************************************************************

You can leave a response, or trackback from your own site.

16 Responses to “ความพอดี กับโซ่อุปทาน”

  1. antonio says:

    boaz@campfire.minced” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ….

  2. lester says:

    barricade@branchville.gyration” rel=”nofollow”>.…

    tnx for info!…

  3. lee says:

    derive@fatigues.oregonians” rel=”nofollow”>.…

    thank you!…

  4. lewis says:

    noisy@eileens.reported” rel=”nofollow”>.…

    tnx for info!!…

  5. brad says:

    walters@riverside.touchdown” rel=”nofollow”>.…

    good info!!…

  6. morris says:

    transvestitism@fitness.candour” rel=”nofollow”>.…

    ñýíêñ çà èíôó….

  7. brad says:

    using@ineluctable.sequins” rel=”nofollow”>.…

    tnx!…

  8. lance says:

    ballplayers@airmans.expended” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ….

  9. dale says:

    confrontations@unhurt.tuberculosis” rel=”nofollow”>.…

    ñïàñèáî çà èíôó!!…

  10. Bill says:

    miracles@carvings.inched” rel=”nofollow”>.…

    thank you!…

  11. Terry says:

    brandy@founded.didn” rel=”nofollow”>.…

    áëàãîäàðåí!!…

  12. bryan says:

    deane@infighting.supermatic” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ çà èíôó!!…

  13. sergio says:

    plantation@biceps.opium” rel=”nofollow”>.…

    ñýíêñ çà èíôó!…

  14. ความพอดี กับโซ่อุปทาน | Especially of Logistics Supply Chains and Trading Magazine Freight Max says:

    Quality Private Proxies…

    I found a great……

  15. ความพอดี กับโซ่อุปทาน | Especially of Logistics Supply Chains and Trading Magazine Freight Max says:

    Cheap Proxy Shop…

    I found a great……

Leave a Reply