Trend in energy demand in each country
แนวโน้มความต้องการใช้พลังงานในแต่ละประเทศ
ดร.บุญทรัพย์ พานิชการ
ผู้อำนวยการวิทยาลัยโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน
มหาวิทยาลัยนเรศวร
ช่วงนี้ผมและนักวิจัยของวิทยาลัยโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน มหาวิทยาลัยนเรศวร อยู่ระหว่างการทำวิจัย “การวิเคราะห์โซ่อุปทานพลังงานเพื่อกำหนดนโยบายด้านพลังงานภายใต้กรอบความร่วมมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ดังนั้นฉบับนี้ผมขอนำเสนอข้อมูลด้านพลังงานของแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน ในประเด็นแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานในแต่ละประเทศ โดยมุ่งไปที่พลังงาน 2 ประเภท พลังงานน้ำมันสำเร็จรูป และพลังงานไฟฟ้า
รูปที่ 1 แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป (MTOE)
ตารางที่ 1 แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป (MTOE)
ประเทศ | ปี | |||||
2533 | 2543 | 2548 | 2549 | 2558 | 2573 | |
บูรไน | 0.3 | 0.5 | 0.6 | 0.5 | 0.7 | 0.9 |
กัมพูชา | 0.4 | 0.6 | 0.9 | 1.0 | 1.8 | 4.3 |
อินโดนีเซีย | 27.6 | 47.2 | 52.4 | 48.7 | 66.1 | 109.2 |
ลาว | 0.2 | 0.2 | 0.3 | 0.2 | 0.7 | 1.5 |
มาเลเซีย | 10.0 | 19.6 | 23.0 | 22.9 | 31.0 | 52.3 |
พม่า | 0.6 | 1.5 | 1.8 | 1.7 | 3.0 | 6.8 |
ฟิลิปปินส์ | 7.3 | 13.6 | 12.7 | 12.0 | 14.7 | 21.2 |
สิงคโปร์ | 5.7 | 7.9 | 12.9 | 13.4 | 15.7 | 18.9 |
ไทย | 16.7 | 30.2 | 38.8 | 39.1 | 46.0 | 74.0 |
เวียดนาม | 2.4 | 6.8 | 12.0 | 11.9 | 21.5 | 54.7 |
รูปที่ 2 แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า (TWh)
ตารางที่ 2 แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า (TWh)
ประเทศ | ปี | |||||
2533 | 2543 | 2548 | 2549 | 2558 | 2573 | |
บูรไน | 1.2 | 2.5 | 3.3 | 3.3 | 3.8 | 4.5 |
กัมพูชา | 0.2 | 0.5 | 0.9 | 1.2 | 1.4 | 8.0 |
อินโดนีเซีย | 33.3 | 92.6 | 127.4 | 133.1 | 193.9 | 318.4 |
ลาว | 0.8 | 3.4 | 3.5 | 3.6 | 26.8 | 60.4 |
มาเลเซีย | 23.0 | 69.3 | 84.8 | 91.6 | 141.6 | 265.3 |
พม่า | 2.5 | 5.1 | 6.0 | 6.2 | 17.7 | 56.2 |
ฟิลิปปินส์ | 25.2 | 45.3 | 56.5 | 56.7 | 91.4 | 165.5 |
สิงคโปร์ | 15.7 | 31.7 | 38.2 | 39.4 | 56.9 | 104.9 |
ไทย | 44.2 | 96.0 | 132.2 | 138.7 | 188.6 | 400.5 |
เวียดนาม | 8.7 | 26.6 | 53.5 | 56.5 | 96.1 | 234.8 |
รูปที่ 3 แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า (MTOE)
ตารางที่ 3 แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า (MTOE)
ประเทศ | ปี | |||||
2533 | 2543 | 2548 | 2549 | 2558 | 2573 | |
บูรไน | 0.5 | 0.9 | 1.1 | 1.2 | 1.2 | 1.3 |
กัมพูชา | 0.1 | 0.3 | 0.3 | 0.4 | 0.2 | 1.0 |
อินโดนีเซีย | 6.5 | 17.2 | 25.7 | 26.0 | 39.1 | 63.3 |
ลาว | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 3.1 | 3.1 |
มาเลเซีย | 5.0 | 14.2 | 19.4 | 21.0 | 25.2 | 45.9 |
พม่า | 0.5 | 0.9 | 0.9 | 0.9 | 0.9 | 0.9 |
ฟิลิปปินส์ | 3.3 | 6.2 | 8.5 | 7.5 | 15.0 | 27.7 |
สิงคโปร์ | 4.4 | 6.9 | 8.1 | 8.3 | 11.3 | 19.4 |
ไทย | 8.9 | 19.2 | 25.8 | 25.9 | 35.7 | 78.0 |
เวียดนาม | 1.3 | 3.6 | 7.6 | 7.8 | 14.1 | 31.2 |
จากตารางที่ 1-3 และรูปที่ 1-3 เป็นแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป (Oil Demand) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า (Power Generation Output) และแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า (Power Generation Input) ระหว่างปี 2533-2573 ซึ่งจำแนกแต่ละประเทศ ดังนี้
- 1. เนการา บรูไน ดารุสซาลาม (บูรไน)
1) แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศบูรไน มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่าง ปี 2558-2573 พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโต ของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ประมาณ 2.0 % และ 1.8 % ต่อปี ตามลำดับ
2) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศบูรไน มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 1.4 % และ 1.2 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศบูรไน เท่ากับ 0.9 % และ 99.1 % ตามลำดับ และในปี 2573 สัดส่วนการใช้น้ำมันและน้ำผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงทำให้สัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มลดต่ำลง เหลือเพียง 90.8 % โดยมีสัดส่วนการใช้น้ำมัน และน้ำ เท่ากับ 1.0 % และ 8.2 % ตามลำดับ
3) แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศบูรไน มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มี แนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 1.1 % และ 0.4 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามชนิดเชื้อเพลิงที่นำเข้า (Import) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 0.6 % และ 99.4 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงทำให้สัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มลดต่ำลง และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 0.9 % และ 99.1 % ตามลำดับ
- 2. ราชอาณาจักรกัมพูชา (กัมพูชา)
1) แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศกัมพูชา มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่าง ปี 2558-2573 พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโต ของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ประมาณ 2.8 % และ 7.0 % ต่อปี ตามลำดับ
2) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศกัมพูชา มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 4.5 % และ 12.5 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศกัมพูชา เท่ากับ 100.0 % ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลง จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 54.1 % และ 45.9 % ตามลำดับ
3) แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศกัมพูชา มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 พบว่า ปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มลดต่ำลง เนื่องจากปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าลดลง ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการลดลงของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ -4.9 % ต่อปี และระหว่างปี 2558-2573 พบว่า ปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 11.2 % ต่อปี หากแบ่งตามชนิดเชื้อเพลิงที่นำเข้า (Import) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 และปี 2573 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน เท่ากับ 100.0 %
- 3. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (อินโดนีเซีย)
1) แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศอินโดนีเซีย มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่าง ปี 2558-2573 พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโต ของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ประมาณ 2.3 % และ 3.4 % ต่อปี ตามลำดับ
2) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าประเทศอินโดนีเซีย มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 4.3 % และ 3.4 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ น้ำ และแหล่งพลังงานอื่นๆ ผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศอินโดนีเซีย เท่ากับ 31.5 % 42.7 % 2.3 % 20.2 % และ 3.3 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และแหล่งพลังงานอื่นๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และแหล่งพลังงานอื่นๆ เท่ากับ 62.8 % 19.8 % และ 11.9 % ตามลำดับ
3) แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศอินโดนีเซีย มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 4.3 % และ 3.3 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามชนิดเชื้อเพลิงที่นำเข้า (Import) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 36.0 % 59.1 % และ 4.9 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลง จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 80.4 % และ 18.3 % ตามลำดับ
- 4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ลาว)
1) แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศลาว มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ประมาณ 7.3 % และ 5.6 % ต่อปี ตามลำดับ
2) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศลาวมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 22.5 % และ 5.6 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้น้ำผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศลาวเท่ากับ 100.0 % ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่าน เท่ากับ 79.1 %
3) แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศลาว มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่า ปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มคงที่ ไม่มีการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า หากแบ่งตามชนิดเชื้อเพลิงที่นำเข้า (Import) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 ประเทศลาวไม่มีการนำเข้าพลังงานไฟฟ้า และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน เท่ากับ 100.0 %
- 5. มาเลเซีย
1) แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศมาเลเซีย มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ประมาณ 2.8 % และ 7.0 % ต่อปี ตามลำดับ
2) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศมาเลเซีย มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 5.3 % และ 4.3 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำ ผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศมาเลเซีย เท่ากับ 12.3 % 48.4 % 22.0 % และ 17.3 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 37.0 % และ 51.6 % ตามลำดับ
3) แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศมาเลเซีย มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 2.7 % และ 4.1 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามชนิดเชื้อเพลิงที่นำเข้า (Import) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 12.5 % 60.2 % และ 27.3 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง เหลือเพียง 0.1 % จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 46.1 % และ 53.7 % ตามลำดับ
- 6. สหภาพพม่า (พม่า)
1) แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศพม่า มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ประมาณ 5.6 % และ 5.5 % ต่อปี ตามลำดับ
2) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศพม่า มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 11.4 % และ 8.0 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำ ผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศพม่า เท่ากับ 1.6 % 10.9 % 39.3 % และ 48.1 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง จึงทำให้สัดส่วนการใช้น้ำ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้น้ำ เท่ากับ 94.6 %
3) แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานของประเทศพม่า มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 พบว่าปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 0.1 % ต่อปี และระหว่างปี 2558-2573 พบว่า ปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มคงที่จึงทำให้ไม่มีการเติบโตของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า หากแบ่งตามชนิดเชื้อเพลิงที่นำเข้า (Import) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 2.4 % 12.5 % และ 85.1 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้ถ่านหินผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง จึงทำให้สัดส่วนการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 16.8 % และ 83.2 % ตามลำดับ
- 7. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (ฟิลิปปินส์)
1) แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศฟิลิปปินส์ มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ประมาณ 1.5 % และ 2.5 % ต่อปี ตามลำดับ
2) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศฟิลิปปินส์ มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 4.9 % และ 4.0 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน น้ำ และแหล่งพลังงานอื่นๆ ผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศฟิลิปปินส์ เท่ากับ 1.9 % 11.8 % 6.1 % และ 5.5 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง เหลือเพียง 2.1 % จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และแหล่งพลังงานอื่นๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และแหล่งพลังงานอื่นๆ เท่ากับ 37.3 % 41.7 % และ 11.7 % ตามลำดับ
3) แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานของประเทศฟิลิปปินส์ มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 5.8 % และ 4.2 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามชนิดเชื้อเพลิงที่นำเข้า (Import) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน และน้ำมัน เท่ากับ 13.9 % และ 86.1 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง เหลือเพียง 2.7 % จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 52.8 % และ 44.5 % ตามลำดับ
- 8. สาธารณรัฐสิงคโปร์ (สิงคโปร์)
1) แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศสิงคโปร์ มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ประมาณ 2.0 % และ 1.2 % ต่อปี ตามลำดับ
2) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศสิงคโปร์ มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 3.4 % และ 3.6 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศสิงคโปร์ เท่ากับ 100.0 % ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง เหลือเพียง 10.2 % จึงทำให้สัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติ และแหล่งพลังงานอื่นๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติ และแหล่งพลังงานอื่นๆ เท่ากับ 86.2 % และ 3.6 % ตามลำดับ
3) แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานของประเทศสิงคโปร์ มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 3.4 % และ 3.6 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามชนิดเชื้อเพลิงที่นำเข้า (Import) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้น้ำมัน เท่ากับ 100.0 % ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง เหลือเพียงx16.7x%xจึงทำให้สัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นxและในปีx2573xจะมีสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 83.3 %
- 9. ราชอาณาจักรไทย (ไทย)
1) แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศไทย มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ประมาณ 1.7 % และ 3.2 % ต่อปี ตามลำดับ
2) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 3.6 % และ 5.1 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำ ผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย เท่ากับ 25.0 % 23.5 % 40.2 % และ 11.3 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันและน้ำผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง เหลือเพียง 0.5 % และ 2.3 % จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และแหล่งพลังงานอื่นๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และแหล่งพลังงานอื่นๆ เท่ากับ 27.4 % 67.7 % และ 2.1 % ตามลำดับ
3) แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 3.3 % และ 5.3 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามชนิดเชื้อเพลิงที่นำเข้า (Import) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 28.6 % 28.6 % และ 42.8 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง เหลือเพียง 0.6 % จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 32.1 % และ 67.3 % ตามลำดับ
- 10. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (เวียดนาม)
1) แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศเวียดนาม มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการทำนายแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ประมาณ 6.0 % และ 6.4 % ต่อปี ตามลำดับ
2) แนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศเวียดนาม มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 6.0 % และ 6.1 % ต่อปี ตามลำดับ หากแบ่งตามเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และน้ำ ผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศเวียดนาม เท่ากับ 23.1 % 15.0 % และ 61.9 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันและน้ำ ผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง เหลือเพียง 0.8 % และ 22.4 % จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ นิวเคลียร์ และแหล่งพลังงานอื่นๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ นิวเคลียร์ และแหล่งพลังงานอื่นๆ เท่ากับ 31.3 % 31.6 % 12.7 % และ 1.3 % ตามลำดับ
3) แนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศเวียดนาม มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ระหว่างปี 2548-2558 และระหว่างปี 2558-2573 พบว่าปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ประมาณ 6.4 % และ 5.4 % ต่อปีตามลำดับ หากแบ่งตามชนิดเชื้อเพลิงที่นำเข้า (Import) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า พบว่า ในปี 2533 มีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน และน้ำมัน เท่ากับ 69.9 % และ 30.1 % ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนการใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มลดต่ำลง เหลือเพียง 1.5 % จึงทำให้สัดส่วนการใช้ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปี 2573 จะมีสัดส่วนการใช้ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เท่ากับ 51.0 % และ 47.5 % ตามลำดับ
จากข้อมูลข้างต้นจะพบว่าปริมาณความต้องการใช้พลังงานทั้งน้ำมันสำเร็จรูปและไฟฟ้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่แหล่งทรัพยากรด้านพลังงานมีจำกัด จึงเป็นโจทย์ที่สำคัญในการจัดการพลังงานของอาเซียนให้เกิดความยั่งยืน
[...] อ่านต่อ [...]
municipalitys@ruins.expenses” rel=”nofollow”>.…
ñïñ!…
jilted@grinders.lull” rel=”nofollow”>.…
ñýíêñ çà èíôó….
rediscovers@rude.culte” rel=”nofollow”>.…
thanks for information!…
mollycoddle@bonn.roped” rel=”nofollow”>.…
ñïñ!!…
undertook@unachievable.toonker” rel=”nofollow”>.…
áëàãîäàðþ!!…
superhuman@impaling.unemotional” rel=”nofollow”>.…
ñïàñèáî çà èíôó….
wilsonian@womanly.contamination” rel=”nofollow”>.…
ñïàñèáî çà èíôó….
plays@sporadic.aventino” rel=”nofollow”>.…
ñïàñèáî!!…
repaired@jena.meters” rel=”nofollow”>.…
tnx for info!!…
Best Private Proxies…
I found a great……
Where To Buy Proxies…
I found a great……
Cheapest Proxy…
I found a great……