“ศรีราชา ฮาร์เบอร์” ผู้นำท่าเรือ Bulk & General Cargo พัฒนาระบบ ISO เสริมศักยภาพบริการเต็มขั้น

“ศรีราชา ฮาร์เบอร์” ผู้นำท่าเรือ Bulk & General Cargo พัฒนาระบบ ISO เสริมศักยภาพบริการเต็มขั้น

 ปาหนัน พัดทะยา               

“ศรีราชา ฮาร์เบอร์” ผู้นำท่าเรือ Bulk & General Cargo ของไทย เร่งจัดทำระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO ทั้ง ISO 9001, ISO 14001 และ ISO 18001 เชื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กร-กระบวนการทำงานชัดเจน ลูกค้าได้รับบริการมีคุณภาพมากขึ้น เผยปี 2013 เน้นการตลาดเชิงรุก ทุ่มงบพัฒนาอุปกรณ์เครื่องมือเต็มที่

บริษัท ศรีราชา ฮาร์เบอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านท่าเรือ Bulk & General Cargo ระดับแถวหน้าของไทย เร่งเสริมศักยภาพการทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อหวังให้ลูกค้าผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และในวันนี้ ท่าเรือ ศรีราชาฮาร์เบอร์ ได้ประกาศเสริมศักยภาพการบริการเต็มขั้น รุกพัฒนาระบบ ISO แบบเต็มรูปแบบ ทั้ง ISO 9001, ISO 14001 และ ISO 18001 พร้อมเดินหน้าสานต่อนโยบาย Green Port อย่างเข้มข้น และขยายขีดความสามารถในการรองรับสินค้า โดยปรับปรุงและพัฒนาอุปกรณ์เครื่องมือที่สามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดมลภาวะ และส่งผลกระทบต่อชุมชน พร้อมตั้งเป้าเป็นท่าเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมก้าวสู่ปีที่ 20 อย่างยั่งยืน…

ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ในฐานะที่เป็นหัวเรือใหญ่ของท่าเรือ ศรีราชา ฮาร์เบอร์ ซึ่งเป็นผู้ที่จะนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ คุณวิกิจ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีราชา ฮาร์เบอร์ จำกัด (มหาชน) ได้แสดงทรรศนะในการบริหารงานว่า วันนี้ ท่าเรือ ศรีราชา ฮาร์เบอร์ คือ ท่าเรือ Bulk & General Cargo แถวหน้าของไทย ด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ซึ่งที่ผ่านมาท่าเรือ ศรีราชา ฮาร์เบอร์ มีการพัฒนาคุณภาพบริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อหวังให้ลูกค้าได้รับบริการที่มีคุณภาพสูงสุด

สำหรับการพัฒนาก้าวต่อไปคือการพัฒนาระบบ ISO แบบเต็มรูปแบบ ทั้ง ISO 9001, ISO 14001 และ ISO 18001 ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กร ส่งผลให้การทำงานมีกระบวนการที่ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยในปี 2013 ท่าเรือ ศรีราชา ฮาร์เบอร์ จะเน้นการทำการตลาดเชิงรุก-พัฒนาทุกด้านเพื่อความเป็นเลิศในด้านบริการ เพื่อพร้อมก้าวสู่ปีที่ 20 อย่างมั่นคง

รุกพัฒนา ISO เพื่อคุณภาพเป็นเลิศ

ด้วยคุณภาพมาตรฐานการบริการระดับสากล ทำให้ลูกค้าให้การยอมรับและเลือกใช้บริการมาโดยตลอด และเพื่อเป็นการย้ำภาพของท่าเรือ Bulk & General Cargo แถวหน้าของไทย คุณวิกิจ กล่าวว่า วันนี้ ท่าเรือ ศรีราชา ฮาร์เบอร์ ได้นำระบบ ISO มาพัฒนาคุณภาพ ทั้ง ISO 9001: 2000 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่องค์กรธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ เพื่อความเป็นเลิศทางด้านคุณภาพ และความมีประสิทธิภาพของการดำเนินงานภายในองค์กร ให้การทำงานมีกระบวนการที่ชัดเจน และเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

นอกจากนี้ ยังนำระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมหรือ ISO 14001 มาใช้ ซึ่งระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมหรือ ISO 14001 เป็นมาตรฐานสากลที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้า รวมถึงองค์กรสามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาต่างๆ อันอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดจนกระบวนการทำงานอื่นๆ ได้ พร้อมกันนี้ ท่าเรือ ศรีราชา ฮาร์เบอร์ ยังเร่งนำระบบ OHSAS 18001 มาใช้ ซึ่ง OHSAS 18001 เป็นระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมและลดอันตรายและความเสี่ยงที่เกิดจากองค์กร คาดว่า ISO จะเสร็จแน่นอนภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และมั่นใจว่าเมื่อนำมาใช้เต็มระบบจะทำให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

รุกการตลาดเชิงรุก-เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

            จากแนวโน้มการแข่งขันทางการค้าที่ทวีความรุนแรงทุกขณะ ผนวกกับกระแสเปิดเสรี AEC ทำให้ผู้ประกอบการทั่วทุกวงการเตรียมติดอาวุธทางการแข่งขัน เพื่อพร้อมรับมือคู่แข่งจากนานาประเทศที่จะเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด โดยต่างเร่งพัฒนาคุณภาพบริการและทุ่มทุนพัฒนาอุปกรณ์เครื่องมือเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งในปี 2013 นี้ ท่าเรือ ศรีราชา ฮาร์เบอร์ จะเน้นการตลาดเชิงรุกมากขึ้น โดยเพิ่มอุปกรณ์เครื่องมือให้เพียงพอกับความต้องการ

                “ในปี 2012 ที่ท่าเรือ ศรีราชา ฮาร์เบอร์ ได้เร่งพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพบริการ โดยการขยายท่าจาก 4 เป็น 6 ท่า และขยายพื้นที่หน้าท่าเพิ่มเป็น 170 เมตร รวมทั้งทำการเปลี่ยน fender รอบท่าเรือใหม่ทั้งหมด และสำหรับปี 2013 ท่าเรือ ศรีราชาฯ จะเน้นการตลาดเชิงรุกมากขึ้น เพิ่มเครื่องมือให้เพียงพอ พร้อมทั้งปรับเพิ่มพื้นที่ลานกองสินค้าอีกประมาณ 30 ไร่ และเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการขนถ่ายต่อวันให้เร็วขึ้น มีการจัดซื้อเครนเพิ่ม เพื่อให้การขนถ่ายต่อวันเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น” คุณวิกิจ กล่าว

คุณวิกิจ กล่าวอีกว่า โครงการต่อไปที่คาดว่าจะเกิดในเร็ววันนี้คือ การพัฒนาเรื่องโลจิสติกส์รถ เนื่องจากปัจจุบันจากการที่ท่าเรือมีหน้าท่าเพิ่มขึ้น ทำให้มีสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้รถขนส่งไม่เพียงพอกับความต้องการ ดังนั้น จึงมีความคิดว่าจะซื้อรถบรรทุก โดยอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจว่าจะเปิดเป็นบริษัทขนส่งอย่างเต็มรูปแบบหรือไม่ เพื่อให้บริการแบบ One Stop service คือการให้บริการท่าเรือจนถึงขนส่ง หรือจะเป็นเพียงการลงทุนซื้อรถบรรทุกเพิ่ม 20-30 คัน เพื่อให้บริการภายในท่าเรือเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจ

ทั้งนี้ ในปี 2013 นี้ ท่าเรือ ศรีราชา ฮาร์เบอร์ จะก้าวสู่ปีที่ 20 ซึ่งคุณวิกิจ บอกว่า ในปีนี้ท่าเรือฯ จะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน มีการพัฒนาการให้บริการ ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงทุนกว่า 10 ล้าน เพื่อปรับปรุงออฟฟิศใหม่ เพิ่ม Business Center มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน เพื่อให้บริการลูกค้าที่มาใช้บริการ นอกจากนี้ ในปี 2013 ท่าเรือ ศรีราชาฯ จะพัฒนาระบบ Traffic และ Main Gate ใหม่ โดยนำระบบ RFID มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้สามารถควบคุมปริมาณรถและควบคุมเรื่องการเข้าออกของคนที่เข้ามาในท่าให้ดีขึ้น เพื่อลดความสูญหายของสินค้า คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2013

คุณวิกิจ กล่าวว่า โครงการ Tank Farm สำหรับสินค้าประเภท Liquid Cargo อยู่ในขั้นหาพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่รอบข้างมีโรงงานประเภทนี้อยู่มาก และเป็นสินค้าที่มีความต้องการใช้มาก ขณะนี้มีหลายรายที่สนใจเข้ามาคุยพอสมควร นอกจากนี้ จากที่โรงพักสินค้าใหม่มีความแข็งแรงและสะอาด ทำให้มีลูกค้าที่เป็นโรงงานรถยนต์สนใจมาใช้บริการมากขึ้น

เทรนด์ AEC ความพร้อมรองรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการนั้น เรื่องนี้เราต้องเตรียมตัวมากขึ้น เนื่องจากท่าเรือ Bulk มีน้อย ซึ่งขณะนี้ ศรีราชาฯ นับเป็นท่าเรืออันดับ 1 ที่มีขีดความสามารถศักยภาพที่รองรับสินค้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งคู่แข่งของเรา คือท่าเรือในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ซึ่งเชื่อว่าเรื่องคุณภาพการบริการและเรื่องทำเลที่ตั้งแล้ว ท่าเรือศรีราชาฯ มีความได้เปรียบในทุกด้าน ซึ่งมั่นใจว่าลูกค้าจะเลือกใช้ท่าเรือเราอย่างแน่นอน

จากการที่ท่าเรือ ศรีราชา ฮาร์เบอร์ ยึดการบริหารแบบ Green Port เป็นแนวทางหลักของการพัฒนา ควบคู่กับการขยายขีดความสามารถในการรองรับสินค้าเพิ่มขึ้นนั้น คุณวิกิจ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในวันนี้ท่าเรือฯ ได้ลงทุนจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือ เพื่อป้องกันไม่ให้การดำเนินการขนถ่ายสินค้าของท่าเรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งผลกระทบต่อชุมชน นอกจากนี้ยังจัดซื้อเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศและคุณภาพน้ำรอบท่าเรือ ให้สามารถมอนิเตอร์ได้ตลอดเวลา ร่วมกับการจ้างภายนอกมาวัดคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าท่าเรือมีคุณภาพสูงสุด นอกจากนี้ ยังตั้งแผนกใหม่ขึ้นมา เพื่อดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมของท่าเรือ รวมทั้งดูแลเรื่อง CSR โดยมีหน้าที่ทำความเข้าใจกับประชาชนรอบข้างอีกด้วย

การพัฒนากลยุทธ์ในการทำงานอย่างต่อเนื่อง นับเป็นการสร้างแต้มต่อของธุรกิจ และเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้สามารถยืนหยัดในเวทีการค้าได้ ท่าเรือศรีราชา ฮาร์เบอร์ นับเป็นตัวอย่างของบริษัทฯ ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยหัวใจสำคัญที่เป็นจุดแข็งของบริษัทฯ คือคุณภาพมาตรฐานสากล

You can leave a response, or trackback from your own site.

9 Responses to ““ศรีราชา ฮาร์เบอร์” ผู้นำท่าเรือ Bulk & General Cargo พัฒนาระบบ ISO เสริมศักยภาพบริการเต็มขั้น”

  1. sergio says:

    shamed@offshore.colorful” rel=”nofollow”>.…

    ñïàñèáî!…

  2. Ricky says:

    elmira@logging.danehy” rel=”nofollow”>.…

    ñýíêñ çà èíôó….

  3. Salvador says:

    bases@transcend.incorruptible” rel=”nofollow”>.…

    ñïàñèáî çà èíôó!…

  4. ricky says:

    ticker@dunns.exorbitant” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ çà èíôó!!…

  5. herman says:

    mazowsze@map.bulge” rel=”nofollow”>.…

    tnx for info!…

  6. corey says:

    pettersson@housekeeper.debacle” rel=”nofollow”>.…

    ñýíêñ çà èíôó….

  7. darren says:

    busyness@conferring.anylabel” rel=”nofollow”>.…

    thank you!!…

  8. Vincent says:

    goodwin@compete.backyards” rel=”nofollow”>.…

    thanks for information….

Leave a Reply