“JWD InfoLogistics” จับโปรเจกต์ใหญ่ DG แหลมฉบัง วางต้นแบบท่าเรือปลอดภัย-คุมเข้มจัดเก็บสินค้าอันตราย


“JWD InfoLogistics” จับโปรเจกต์ใหญ่ DG แหลมฉบัง

วางต้นแบบท่าเรือปลอดภัย-คุมเข้มจัดเก็บสินค้าอันตราย

 

Written by ปาหนัน พัดทะยา

JWD ตอกย้ำมืออาชีพจัดการสินค้าอันตรายชั้นนำของไทย จับโปรเจกต์ใหญ่ “โครงการรับส่งตู้สินค้าอันตรายข้างเรือ” ตั้งเป้าให้การนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายทางทะเลของท่าเรือแหลมฉบังได้รับการยอมรับในระดับสากล ระบุโครงการแล้วเสร็จพร้อมใช้เต็มรูปแบบ 1 กันยายนนี้

 

      บริษัท JWD InfoLogistics Co.,Ltd. ผู้ให้บริการด้านการบริหารคลังสินค้าอันตรายชั้นนำ ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม เจวีเค กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการโลจิสติกส์อันดับต้นๆ ของเมืองไทย จากประสบการณ์กว่า 30 ปี เป็นเครื่องการันตีคุณภาพการบริการได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมา JWD ได้พัฒนาคุณภาพบริการอย่างต่อเนื่องในทุกรูปแบบ ทั้งการพัฒนาคุณภาพบุคลากร การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อหวังตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสูงสุด

      วันนี้ JWD InfoLogistics ตอกย้ำความเป็นมืออาชีพด้านการบริหารสินค้าอันตรายอีกครั้ง ด้วยการจับโปรเจกต์ใหญ่ “โครงการรับส่งตู้สินค้าอันตรายข้างเรือ” เพื่อให้การให้บริการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายทางทะเลของท่าเรือแหลมฉบังได้รับการยอมรับในระดับสากล ในด้านมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยและการระงับเหตุฉุกเฉิน โดยได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท วางระบบเครือข่ายสารสนเทศหรือ “DG-NET” ที่ทันสมัย มีระบบการตรวจสอบแบบเวลาจริง (Real Time) เพื่อค้นหา ตำแหน่ง สถานะและข้อมูลความปลอดภัยของสินค้าอันตรายตลอดทั้งกระบวนการเคลื่อนย้ายและการขนส่ง (Handling and Transportation Chain) สำหรับการระงับเหตุฉุกเฉินและการกำกับดูแล ซึ่งเป้าหมายคือให้โครงการรับส่งตู้สินค้าอันตรายข้างเรือเป็นต้นแบบ (แหลมฉบังโมเดล) การบริหารจัดการสินค้าอันตรายในพื้นที่อื่นต่อไป

 

 

ตั้งเป้าบริหารจัดการสินค้าอันตรายเทียบสากล
    
     
ในฐานะหัวเรือใหญ่ผู้ซึ่งจะนำพาธุรกิจไปสู่การเป็นผู้นำ คุณชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท JWD InfoLogistics Co.,Ltd. แสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารงานว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้กำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. 2553 เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 เป็นต้นไป โดยนำหลักปฏิบัติตามประมวลข้อกำหนดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเล (IMDG Code) และกฎหมายภายในประเทศ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและเป็นการเสริมศักยภาพการบริการของท่าเรือแหลมฉบัง ดังนั้น การที่ JWD เข้ามาบริหารจัดการโครงการรับส่งสินค้าอันตรายข้างเรือครั้งนี้ มั่นใจว่าช่วยให้ระบบการบริหารจัดการสินค้าอันตรายให้ได้มาตรฐานเทียบเท่าสากล

สำหรับระยะเวลาดำเนินการและเป้าหมายของ โครงการรับส่งสินค้าอันตรายข้างเรือ แบ่งระยะเวลาดำเนิน

      โครงการเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 ภายในวันที่ 1 เมษายน 2553 และระยะที่ 2 ภายในวันที่ 1 กันยายน 2553 ซึ่งโครงการรับส่งสินค้าอันตรายข้างเรือ ระยะที่ 1 นั้น จะเร่งพัฒนาระบบความปลอดภัยและการระงับเหตุฉุกเฉินในเขตท่าเรือแหลมฉบังพร้อมใช้งาน รวมทั้งระบบรับส่งสินค้าอันตรายข้างเรือและระบบการจัดเก็บสินค้าอันตรายพร้อมใช้งาน ส่วนระยะที่ 2 ตั้งเป้าพัฒนาระบบความปลอดภัยและระบบการระงับเหตุฉุกเฉินสินค้าอันตรายระหว่างการขนส่งถึงปลายทางพร้อมใช้งาน และระบบเครือข่ายสารสนเทศหรือ “DG-NET” สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบ

      บริษัท JWD InfoLogistics Co.,Ltd ได้เข้าไปลงทุนในการวางระบบต่างๆ โดยได้ตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ที่ 100 ล้านบาท ในเฟสแรกได้ลงทุนไปแล้ว 40 ล้านบาท ในการปรับปรุงลานรับตู้สินค้า ปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัย ระบบไฟส่องสว่าง พร้อมทั้งเพิ่มการบริหารจัดการกลุ่มรถหัวลากกว่า 100 คัน เพื่อให้บริการรับส่งสินค้าข้างเรือและการจัดเก็บตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนอีก 60 ล้านบาทนั้น ทางบริษัทฯ จะเร่งปรับปรุงระบบเฟส 2 ในเรื่อง Track and Trace และพัฒนา www.DG-Net.org ซึ่งเป็นเว็ปไซด์ที่ผู้ประกอบการหรือผู้ขนส่ง รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าอันตรายได้ นอกจากสามารถหาข้อมูลจาก www.DG-Net.org แล้ว ยังสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ call center โดย Call center จะเป็นศูนย์กลาง ที่เชื่อมโยงเน็ตเวิร์คเรื่องการกู้ภัยกับหน่วยงานราชการ เช่น ตำรวจดับเพลิง ศูนย์แพทย์ฉุกเฉิน รวมทั้งมูลนิธิต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่าเมื่อเกิดเหตุจะต้องดำเนินการอย่างไร สามารถโทรเข้าไปได้ตลอด 24 ชั่วโมง

      คุณชวนินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประโยชน์ที่ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้รับจาก www.DG-Net.org คือ เอเย่นต์สายเรือ ผู้นำเข้า-ส่งออก เข้าไปกรอกข้อมูล database ก่อนว่าสินค้าที่จะนำเข้า- ส่งออกว่าเป็นสินค้าอะไร class ไหน พร้อมทั้งสามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญในเมืองไทย และเมื่อเกิดเหตุจะต้องแก้ปัญหาอย่างไร โดยในอนาคตจะทำเป็น  database ตรวจติดตามสินค้าอันตรายไปทั่วประเทศ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของกระทรวงคมนาคมที่ต้องการให้เป็นแหลมฉบังโมเดล และหากแหลมฉบังโมเดลแล้วเสร็จ กรุงเทพโมเดลก็จะ implement ต่อ และกรมเจ้าท่าก็จะบังคับให้ท่าแม่น้ำต่างๆ นำโมเดลนี้ไปใช้ รวมถึงไอซีดีลาดกระบังด้วย ซึ่งปัจจุบันไอซีดีลาดกระบังมีความเสี่ยงมาก

      สำหรับกระบวนการในการทำงาน คือ เมื่อผู้ประกอบการกรอกข้อมูลลงใน  www.DG-Net.org แล้ว จะทำให้ JWD สามารถวางแผนบริหารจัดการสินค้าได้ สามารถวางกำหนดเวลารถไปรับตู้สินค้าข้างเรือได้ทันที โดย planner ของท่าจะกรอกเวลาว่าจะให้นำรถไปรับกี่โมง ซึ่ง JWD จะทำหน้าที่บริหารจัดการตู้สินค้าให้กับผู้นำเข้าผู้ส่งออก นอกจากนี้หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น บริษัทฯ จะมีทีมฉุกเฉินคอยแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งมีรถเซฟตี้โมบายวิ่งวนทุกท่า รวมทั้งมีนักเคมีและ inspector ไปตรวจสอบว่าการ Load และ Discharge สินค้าถูกต้องหรือไม่

      “โดยปกติตู้สินค้าอันตรายจะเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบัง ปีละ 80,000-90,000 ตู้ โดยในอดีตจะมีสินค้าผ่านมาที่คลังสินค้าอันตรายปีละ 40-50% ส่วน 50% นอกจากนี้จะวางไว้ที่ท่าเรือเพื่อรอให้ลูกค้ามารับไป หรือขึ้นรถไฟไปยังไอซีดี ลาดกระบัง และมีบางส่วนที่ขนไปที่ท่าเรือแม่น้ำ จะกระจายไปตามท่าเรือต่างๆ ทำให้ไม่สามารถทราบข้อมูลสินค้าได้ ดังนั้น เมื่อ JWD เข้ามาบริหารจัดการแล้ว มั่นใจว่าตู้สินค้า 60-80% จะสามารถตรวจสอบสถานะได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และเป้าหมายคือสามารถเก็บข้อมูลตู้สินค้าอันตราย 100% ที่เข้ามายังประเทศไทย” คุณชวนินทร์ กล่าว

      ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญคือต้องการส่งเสริมให้ท่าเรือแหลมฉบังได้รับการยอมรับให้เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการสินค้าอันตรายในระดับภูมิภาค (Regional Hub for DG Logistics Management) และเป็นท่าเรือที่ได้รับการส่งเสริมให้เป็นท่าเรือที่ติดอันดับโลก (World Class Port) ส่งผลให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกสบายและลดความซ้ำซ้อนในการส่งรายงานสินค้าอันตรายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

      ประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับโดยตรง คือ ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความมั่นใจและความปลอดภัยต่อชีวิต ทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อม และสามารถแก้ไขหรือระงับเหตุฉุกเฉินจากสินค้าอันตรายหกรั่วไหลตลอดกระบวนการจัดเก็บและการขนส่งสินค้าอันตรายจากเรือถึงลูกค้า ด้วยการจัดการการตรวจสอบและการดูแลของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการตรวจสอบสถานะของสินค้าอันตรายที่นำเข้าส่งออกได้ตลอดเวลาแบบเวลาจริง (Real Time) ทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต “DG-NET”

 

รุกพัฒนาศักยภาพต่อเนื่อง

      JWD InfoLogistics Co.,Ltd. นับเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำของไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา JWD มีการพัฒนาประสิทธิภาพบริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนโยบายคุณภาพของบริษัทฯ คือ ลูกค้าคือคนสำคัญ ดังนั้น สิ่งที่เป็นหัวใจของความสำเร็จคือการพัฒนาบุคลากร ซึ่งเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด เนื่องจากคุณภาพของการให้บริการเกิดจากความใส่ใจในการทำงานของพนักงานทุกคน โดยที่พนักงานทุกคนต้องมีความคิดว่าตนเองคือเจ้าของบริษัท ที่เชื่อว่าจะช่วยส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างแท้จริง

      คุณชวนินทร์ กล่าวว่า จุดแข็งและจุดเด่นที่สำคัญของบริษัท คือ เรื่องการบริการ ดังนั้น ในปี 2553 นี้ JWD จึงเน้นเรื่อง CRM (Customer Relationship Management) และ CSR (Corporate Social Responsibility) ควบคู่กับการให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพการบริการ พร้อมทั้งมีระบบการจัดการตามมาตรฐานสากลที่ได้รับการรับรอง ได้แก่ C-TPAT PSHEMS และ TAPA ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการจัดการสินค้าอันตรายในระดับสากลอีกด้วย

      พร้อมกันนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญเรื่องโซลูชั่นที่แตกต่าง และมุ่งเน้นเรื่องการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อก้าวสู่การ เป็น Local HERO และ Land-Based Logistics Provider ของไทย ซึ่งทั้งหมดเป็นจุดแข็งส่งผลให้ JWD มีการเติบโตอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2556 โดยในปี 2553 JWD พยายามที่ Reorganize องค์กรทั้งหมด ปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่ ให้ธุรกิจที่อยู่ในเครือเจวีเคกรุ๊ปทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยเน้นเรื่องโลจิสติกส์เป็นหลักซึ่งเป็นเรื่องที่จะเร่งดำเนินการภายใน 3 ปี เป้าหมายคือจะเปลี่ยนองค์กรให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ การพัฒนาคุณภาพและบริการเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่ JWD InfoLogistics Co.,Ltd ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทำให้วันนี้ JWD สามารถก้าวขึ้นแท่นเป็นมือหนึ่งด้านการบริหารจัดการสินค้าอันตราย และเป็น Land-Based Logistics Provider ของไทย

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.