เตรียมรับมือเปิดเสรีขนส่ง-โลจิสติกส์ เร่งวางกลยุทธ์รุก-รับต่างชาติขยายฐานสู่ไทย
ปาหนัน พัดทะยา
แนะผู้ประกอบการไทยเร่งวางกลยุทธ์ ติดอาวุธรับมือเปิดเสรีขนส่ง-โลจิสติกส์ เร่งรัฐอุดช่องโหว่ พร้อมเสริมจุดแกร่งให้ผู้ให้บริการไทยสู้ต่างชาติ เผยเทรนด์ธุรกิจโลจิสติกส์แข่งขันรุนแรง ทั้งระหว่างผู้ให้บริการไทย-ไทย และผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ
จากการที่กลุ่มประเทศอาเซียนได้ประกาศอย่างชัดเจนให้ปี 2015 เป็นปีเป้าหมายในการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) หรือ AEC และได้กำหนดให้เร่งเปิดเสรีภาคบริการใน 5 สาขาเร่งรัด ได้แก่ สาขาสุขภาพ สาขาคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม สาขาท่องเที่ยว สาขาขนส่งทางอากาศภายในปี 2010 และสาขาโลจิสติกส์ภายในปี 2013 ส่วนสาขาบริการอื่นๆ ให้เปิดตลาดเสรีภายในปี 2015 ตามลำดับ
นับเป็นโอกาสของผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ไทย ที่จะเตรียมตัววางกลยุทธ์รับมือผู้ให้บริการจากต่างชาติที่จะขยายฐานเข้ามาในประเทศไทย และเป็นจังหวะที่ดีที่ผู้ให้บริการไทยจะขยายฐานเปิดให้บริการยังประเทศอาเซียนได้ ในเรื่องนี้ผู้คร่ำหวอดในวงการ คุณสมศักดิ์ วิเศษเรืองโรจน์ นายกสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) ได้แสดงทรรศนะว่า ในการเปิดเสรีขนส่งและโลจิสติกส์นั้น สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการไทยต้องทำคือ ควรเริ่มทำความเข้าใจตั้งแต่วันนี้ว่า การเปิดเสรีด้านการขนส่งและโลจิสติกส์มีการเปิดเสรีด้านใดบ้างและการเปิดดังกล่าวมีผลกระทบกับธุรกิจของตนเองมากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้ คำว่าเปิดเสรี ไม่ได้หมายความว่า เปิดหมดทุกอย่าง การเปิดเสรีมีการเปิดเป็นสี่ ลักษณะ หรือที่เรียกว่า Mode of Supply ตาม GATS สิ่งที่ปัจจุบันถึงไม่ได้เปิดแต่ก็ทำอยู่แล้ว คือ Mode 1 (Cross Border) และ Mode 2 (Consumption Abroad) ส่วนที่เป็นกังวลกันก็คือ Mode 3 (Commercial presence) คือ การเข้ามาตั้งกิจการในประเทศด้วยทุน 70% ของคนชาติอาเซียน และ Mode 4 (Presence of Natural Person) การเข้ามาทำงานของคนชาติอาเซียน ซึ่งจริงๆ แล้วในแต่และกิจการที่เปิดเสรี จะมีข้อจำกัดของการเข้าสู่ตลาดและการปฏิบัติเยี่ยงคนชาติอยู่ รวมทั้งข้อผูกพันรายสาขาซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยยังคงสามารถดำเนินธุรกิจได้โดยไม่ให้ผู้ประกอบการชาติอาเซียนดำเนินการ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องทำความเข้าใจให้ได้และรู้ให้กระจ่าง เพื่อป้องกันตัวในเชิงรับทั้ง 11 สาขาที่เปิดเสรี
แนะรัฐให้ความรู้ผู้ประกอบการไทย
เพื่อเตรียมรับมือเปิดเสรีอย่างถูกจุด
AEC จะเป็นโอกาสและตลาดที่ใหญ่ขึ้นของนักธุรกิจไทย ซึ่งผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องศึกษา ทำความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมรุก-รับไว้ล่วงหน้า เพื่อที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดในสาขาด้านบริการ ขณะเดียวกันก็เป็นจังหวะที่ดีที่จะได้พัฒนาขีดความสามารถของไทยในตลาดอาเซียนและตลาดโลก
คุณสมศักดิ์ มองว่า ในเชิงรุกก็ต้องเริ่มแบบเดียวกันคือ ต้องไปดูว่าชาติอาเซียนที่เปิด 11 สาขาด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ได้เปิดอะไรให้เราบ้าง เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงโอกาสที่จะเข้าไปทำธุรกิจในประเทศเหล่านั้น ซึ่งในปัจจุบันผู้ประกอบการไทยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยที่เกี่ยวกับการเปิดเสรีบริการของชาติอาเซียนอื่นๆ เนื่องจากไม่มีข้อมูลใดๆ และไม่สามารถหาได้ด้วยอีกด้วย ถึงหาได้ก็อ่านตารางข้อผูกพันไม่เป็น เพราะซับซ้อน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องทำ ณ ตอนนี้ คือ การร้องขอให้รัฐ ออกมาทำความเข้าใจในเรื่องการเปิดเสรีบริการของประเทศไทย และของประเทศอื่นในอาเซียนรายประเทศ เพื่อที่จะกำหนดยุทธศาสตร์ในอนาคตได้ ตอนนี้ผู้ประกอบการไทยยังเตรียมตัวไม่ถูก
อย่างไรก็ตาม มองว่า ทางอากาศ สำหรับสายการบินไม่ได้มีผลกระทบอย่างไร เพราะแข่งขันปกติ
ส่วน air freight forwarder อาจมีผลกระทบเล็กน้อยจากการที่ผู้ประกอบการอาเซียนเข้ามาประกอบการ แต่ไม่น่าจะรุนแรง ส่วนสายเรือก็เป็นการแข่งขันอย่างปกติ แถมชาติอาเซียนมาชักธงเรือไทยไม่ได้ จึงไม่มีผลกระทบ สำหรับ sea freight forwarder ก็คาดว่าไม่น่าจะมีผู้เข้ามาประกอบการให้บริการมากนัก ส่วนใหญ่จะมาพ่วงกับ การขนส่งทางบกระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้แก่สิงค์โปร์และมาเลเซีย รวมไปถึงจีนที่จะสวมเสื้อเวียดนามเข้ามาประกอบการ
การขนส่งทางรางระหว่างประเทศก็น่าจะมีเพียง 2 ประเทศ คือ สิงค์โปร์ และมาเลเซีย ที่อยากเข้า
มาประกอบการ แต่อย่างไรก็ตาม การขนส่งนี้ยังมีข้อจำกัดด้านกายภาพและการให้บริการของ รฟท. อยู่จึงไม่มีผลกระทบ นอกจากนี้ Courier เป็นอีกสาขาที่เปิดเสรี และไม่น่ามีผลกระทบเนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหญ่ระดับโลกหลายรายที่ประกอบการในประเทศไทยอยู่แล้ว ชาติอาเซียนเข้ามาก็ไม่ได้มีผลกระทบกับผู้ประกอบการไทย
คุณสมศักดิ์ กล่าวว่า Warehouse เป็นสาขาที่คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้ามาดำเนินการมากขึ้น
และสำหรับการขนถ่ายที่ท่าเรือ จะไม่มีผลกระทบใดๆ เพราะมีข้อจำกัดการเข้าสู่ตลาดอยู่ ส่วนในเรื่องการบรรจุหีบห่อและการดำเนินพิธีการศุลกากรก็มีข้อจำกัดของการเปิดเสรีอยู่จึงไม่น่ามีผลกระทบ สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเช่น survey การชั่งน้ำหนัก การทำ document ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยมากนัก
เทรนด์ธุรกิจโลจิสติกส์แข่งขันสูง
แนวโน้ม-สถานการณ์การแข่งขัน ของธุรกิจ Logistics & Freight Forwarder นั้น ในเรื่องนี้คุณสมศักดิ์ กล่าวว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ยังมีการแข่งขันกันรุนแรง โดยแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ บริษัทข้ามชาติแข่งกับบริษัทข้ามชาติกันเอง ผู้ใช้บริการมักจะเป็นรายใหญ่ มีสินค้าจำนวนมาก และอาจมีเครือข่ายต่างประเทศ โดยบริษัทข้ามชาติตามมาเพื่อบริการ ซึ่งตลาดเหล่านี้ เป็นตลาดแข่งขันสูง แต่จะมีลักษณะเป็นสัญญาระยะกลางถึงยาว
ดังนั้น เมื่อแข่งขันชนะแล้ว ก็ต้องพยายามทำให้ได้ตาม KPI ที่วางกันไว้ และไม่ต้องไปแข่งกับใครอีกตลอดช่วงสัญญา กลุ่มลูกค้าประเภทนี้ บริษัทผู้ประกอบการไทยจะมีโอกาสน้อยมากที่จะได้งานเพราะแข่งไม่ได้ เนื่องจากทุนและสินทรัพย์น้อยกว่า ตลาดเหล่านี้ มักเป็น integrated logistics คือตั้งแต่ on-site operation, warehousing, inland transport, customs clearance จนไปถึง international transport ที่เป็นแบบ door to door
สำหรับตลาดที่บริษัทไทยแข่งกับบริษัทไทยนั้น อยู่ในตลาดเล็กถึงกลาง นับเป็นตลาดที่แข่งขันกันเองสูง เพราะเป็นเค้กก้อนเดียวที่บริษัทข้ามชาติยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเพราะไม่ต้องการใช้ทรัพยากรจำนวนเท่ากันกับการแข่งขันสำหรับลูกค้าระดับรายใหญ่ขององค์กรไปกับกิจกรรมที่ก่อให้เกิดผลตอบแทนต่ำสำหรับลูกค้ารายย่อย สภาพแบบนี้ยังคงอยู่อีกนานในอนาคต ตลาดเหล่านี้ ได้แก่ ตลาดพวก Consolidation กับ การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ NVOcc และ Customs Broker
ส่วนบริษัทข้ามชาติแข่งกับบริษัทไทย อยู่ในตลาดกลางถึงตลาดบน เป็นตลาดที่เริ่มแข่งขันรุนแรงขึ้นเนื่องจากบริษัทข้ามชาติหลายรายเมื่อไม่มีโอกาสชนะประมูลระหว่างบริษัทข้ามชาติด้วยกันแล้ว ก็ต้องกลับมาหาตลาดขนาดกลางๆ และเข้าแข่งขันกับบริษัทไทย ตลาดเหล่านี้ ได้แก่ ตลาด Inland transport, customs clearance และ international transport
โอกาส-อุปสรรค ช่องว่างทางธุรกิจ Logistics ในปี 2555
จับตาธุรกิจคลังสินค้ามาแรงต่อเนื่อง
โอกาสของธุรกิจ Logistics นั้น กิจการด้านคลังสินค้าจะมาแรงอย่างต่อเนื่อง เพราะการขยายตัว
ทางการผลิตย่านมาบตาพุด และอีสเทิร์นซีบอร์ด ส่งผลให้กิจการขนส่งทางบกมีปริมาณเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์จะเป็นตัวเร่ง ที่จะทำให้ตลาดมีสภาพอุปสงค์มากกว่าอุปทาน ส่งผลให้ผู้ให้บริการไม่สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากปริมาณสินค้าจะมากกว่าปริมาณรถขนส่งและพื้นที่จัดเก็บของคลังสินค้า เว้นแต่ผู้ประกอบการเตรียมตัวตั้งแต่ปีนี้ จะทำให้มีความสามารถในการบริการได้ตามสภาพตลาด ในขณะที่คู่แข่งอาจจะให้บริการได้อย่างจำกัดตามทรัพยากรที่มีอยู่
สำหรับกิจการที่เป็นที่น่าจับตาดูเป็นพิเศษ คุณสมศักดิ์ บอกว่า การขนส่งทางรถระหว่างประเทศโดยเฉพาะในเส้นทาง EWEC (R9) เป็นกิจการที่น่าจับตามอง ซึ่งผู้ประกอบการไทยยังคงเข้าไปร่วมแชร์ในตลาดน้อย ในขณะที่ผู้ประกอบการต่างชาติทั้งญี่ปุ่นและยุโรปเข้าทำการตลาดอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพมาก ตลาดเหล่านี้จะโตในอนาคตเมื่อพิธีการศุลกากรทำได้สมบูรณ์แบบตาม CBTA โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าจากจีนมาไทย และไทยไปจีน จะใช้เส้นทางนี้
ทั้งนี้ การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ก็จะมีบทบาทเข้ามาเพื่อสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง
ของภูมิภาคอาเซียนสำหรับประเทศกลุ่มที่อยู่บนบก หมายถึงอินโดจีนบวกมาเลเซียและยังรวมประเทศจีนเข้าไปด้วย แต่ต้องมีการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากร ผู้ประกอบการไทยควรมองลู่ทางในการดำเนินธุรกิจดังกล่าวเพราะการแข่งขันด้านนี้ยังไม่สูงมากนัก นอกจากนี้มองว่าอุปสรรคที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การที่ภาครัฐไม่พัฒนาปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า และการสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ
อุดช่องโหว่-เสริมจุดแกร่งโลจิสติกส์ไทย
หากมองในภาพรวมแล้ว ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยยังมีจุดอ่อน มีข้อด้อยกว่าผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่จากต่างชาติอยู่มาก ซึ่งในมุมมอง คุณสมศักดิ์ เห็นว่า ประเด็นเร่งด่วนทางด้านโลจิสติกส์ที่ไทยควรเร่งพัฒนา โดยเฉพาะ international freight logistics นั้น มีประเด็นที่สำคัญที่ต้องเร่งพัฒนา หลายประการ เช่น 1. เร่งแก้ไข พรบ. ศุลกากร ทั้งเรื่องการถ่ายลำ การขนส่งสินค้าข้ามแดนไทยไปยังประเทศที่สามและ การรับรองสถานะ ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ไม่มีเรือเป็นของตนเอง 2. การจัดเก็บอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละศูนย์ สำหรับธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็น รูปแบบ NVOCC หรือรูปแบบ MTO
3. การให้ความรู้กับผู้ประกอบการไทย ในเรื่องกรอบความตกลงอาเซียนที่เกี่ยวกับการขนส่งทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่กรอบความตกลงอาเซียนเรื่องการขนส่งต่อเนื่องต่อหลายรูปแบบ (ASEAN Framework Agreement on Multimodal Transport) กรอบความตกลงอาเซียนเรื่องการอำนวยความสะดวกสินค้าข้ามแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Goods in Transit) กรอบความตกลงอาเซียนเรื่องการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าข้ามรัฐ (ASEAN Framework Agreement for the Facilitation of Inter-State Transport) และกฎหมายการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ รวมไปถึง ความตกลงการขนส่งสินค้าข้ามแดนของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS -Cross Border Transport Agreement (CBTA) ) เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้เข้าใจและสามารถเข้าทำธุรกิจได้มากขึ้น
4. การให้ความรู้กับผู้ประกอบการไทยจากการเปิดเสรีบริการของกลุ่มประเทศอาเซียน (Liberalization of Logistics Sectors) ทั้งเชิงรุกและรับว่าแต่ละประเทศเปิดเสรีแค่ไหนอย่างไร และ 5. การสร้างมาตรฐานสำหรับฝีมือแรงงานด้านโลจิสติกส์ (Skill Certificate) เพื่อเป็นส่วนสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น Hub ของภูมิภาคเนื่องจากมีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพกว่าในการด้านการขนส่ง ขนถ่าย จัดเก็บ คัดแยกสินค้า
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยควรเร่งวางกลยุทธ์เตรียมความพร้อมและใช้โอกาสในการเปิดตลาดภายในอาเซียนให้เป็นประโยชน์ พร้อมกันนี้ภาครัฐควรให้การส่งเสริมสนับสนุน และมีมาตรการช่วยเหลือติดอาวุธให้แก่ผู้ประกอบการไทย ให้สามารถแข่งขันกับผู้ให้บริการต่างชาติได้
[...] อ่านต่อ [...]
Proxies For Senuke…
I found a great……
Cheapest Proxies…
I found a great……
Buy Cheap Private Proxy…
I found a great……