ธุรกิจ SMEs ไทยจะเติบโตได้อย่างไร หากผู้ประกอบการไทยไม่เข้าใจ Supply Chain
ภานุวัตร ประทุมศรี
-Transport Operation Manager, Sonic Inter Freight Co., Ltd.
- ผู้ชำนาญการศุลกากร ประจำเขตปลอดอากรกิ่งแก้ว LCL Free Zone และ
- น.ศ.หลักสูตร MS. in Logistics and Supply Chain Management ม.ศรีปทุม
ประเทศไทยนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศส่วนหนึ่งมาจากมูลค่าการส่งออก โดยตัวจักรสำคัญที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยคือผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งทำให้เกิดการจ้างแรงงานถึงร้อยละ 76.4 ของแรงงานทั้งประเทศ แต่ใครจะรู้ว่าหากเรามองลึกลงไปในธุรกิจสินค้าและบริการของไทย จะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพทั้งในด้านวัตถุดิบ แรงงานฝีมือ และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่สนับสนุนการพัฒนาของภาคธุรกิจ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าธุรกิจภาคอุตสาหกรรม หรือภาคบริการของไทยต่างได้รับการยอมรับมาตรฐานของสินค้าและการบริการที่ดีเยี่ยม หากแตยังมีปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวฉุดรั้งให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทย ไม่สามารถขับเคลื่อนและขยายตัวไปสู่ธุรกิจขนาดใหญ่ และแข่งขันกับคู่แข่งต่างประเทศได้ หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญสำหรับการต่อยอดธุรกิจโดยการสร้างประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ได้แก่ การบริหารจัดการโซ่อุปทาน (Supply Chain)
ข้อมูลจากการประชุมมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 ได้บ่งบอกแนวโน้มทางเศรษฐกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในปี 2552 ที่ซบเซาลง และปรับตัวดีขึ้นใน ปี 2553 ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอก หรือภายในประเทศ ซึ่งมีตัวชี้วัดที่สำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ การนำเข้าและการส่งออก
ในปี 2552 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกโดยรวมทั้งสิ้น 5,199,912.37 ล้านบาท หดตัวลงจากปี 2551 ร้อยละ 11.17 โดยเป็นการส่งออกของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 1,589,199.87 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.03 จากปี 2551 โดยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีการส่งออกไปยังตลาดหลักที่สำคัญของประเทศ คือ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และจีน เช่นเดียวกันกันกับรายใหญ่แต่มีสัดส่วนน้อยกว่า และมีการกระจายสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ มากกว่า
สำหรับสินค้าที่กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีการส่งออกในสัดส่วนสูงที่สุดคือ อัญมณีและเครื่องประดับ (พิกัดศุลกากร 71) พลาสติกและของทำด้วยพลาสติก (พิกัดศุลกากร 39) และ ยางและของทำด้วยยาง (พิกัดศุลกากร 40) ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 17.15, 6.63 และ 5.84 ตามลำดับ
ภาพรวมการส่งออกของประเทศ ใน 6 เดือนแรกของปี 2553 มีมูลค่ารวม 3,020,593.2 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 27.29 ด้านการส่งออกของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ใน 6 เดือนแรกของปี 2553 มีมูลค่ารวม 891,207.6 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 14.65
มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในปี 2552 มีการหดตัวร้อยละ 2.2 ลดลงเมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวร้อยละ 2.5 ในปีก่อนหน้า โดยมูลค่า GDP ในปี 2552 เท่ากับ 9,050,715.0 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 24,788 ล้านบาท สำหรับ GDP ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในปี 2552 มีมูลค่า 3,417,860.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37.8 ของ GDP รวมทั้งประเทศ โดยมูลค่า GDP ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หดตัวลงร้อยละ 2.4 ต่อปี ชะลอลงจากร้อยละ 2.0 ในปีก่อน
มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรก และไตรมาสที่สองของปี 2553 มีมูลค่า 2,565,205 ล้านบาท และ 2,494,376 ล้านบาท ซึ่งขยายตัวร้อยละ 12.0 และ 9.1 ตามลำดับ ส่วนสถานการณ์ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีทิศทางเดียวกันกับประเทศ โดยในไตรมาสแรกและไตรมาสที่สอง ปี 2553 มีมูลค่า 955,703.7 ล้านบาทและ 914,292.2 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 11.2 และ 8.1 ตามลำดับ
ในยุคโลกาภิวัตน์ และจากสภาวะการแข่งขันของธุรกิจในปัจจุบันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ในระบบเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ในขณะที่ผู้ประกอบการยังคงมุ่งแสวงหากำไรสูงสุด โดยต้นทุนการผลิตต่ำ ซึ่งจะต้องผลิตในปริมาณที่เหมาะสม และทันต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดหลักการใหม่ในการบริหารธุรกิจ การตลาด และอุตสาหกรรม ขึ้นมาว่า “ธุรกิจไม่สามารถดำเนินอยู่ได้เพียงผู้เดียว”
การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องมีการจับมือร่วมกันกับธุรกิจรอบตัว ซึ่งต้องครอบคลุมทั้งแนวดิ่งและแนวราบ โดยในแนวดิ่งนั้นรวมถึงธุรกิจที่ก่อให้เกิดผลผลิตในสายการผลิตของตน ตั้งแต่ผู้จัดหาวัตถุดิบ ผู้จัดส่ง ผู้ผลิต ผู้กระจายสินค้า และลูกค้า ส่วนธุรกิจในแนวราบนั้น จะรวมถึงธุรกิจที่มีลักษณะสนับสนุนส่งเสริม หรือเป็นคู่ค้าที่มีประโยชน์ก่อให้เกิดการเพิ่มผลผลิต หรือเพิ่มความสามารถให้กับธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นธุรกิจที่มีลักษณะใกล้เคียงกันก็ได้
แนวความคิดที่กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นแนวคิดของโซ่อุปทาน (Supply Chain) ซึ่งในปัจจุบัน หรืออนาคตอาจมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาขึ้นไปถึง Supply Network คือ การเชื่อมโยงระหว่างโซ่อุปทานกับโซ่อุปทานด้วยกัน แนวคิดนี้จะทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในส่วนต่างๆ ลดลง ปริมาณของคงคลังที่ต้องสำรองเก็บในอุตสาหกรรมลดลง และก่อให้เกิดประโยชน์อีกมากมายกับทุก ๆ ส่วนของโซ่อุปทาน
เมื่อแนวคิดนี้ได้เข้ามาสู่ประเทศไทย ไม่ว่าด้วยการเข้ามาโดยผ่านทางนโยบายของบริษัทข้ามชาติ แรงกดดันจากบริษัทต่างชาติที่มีคู่ค้าในประเทศไทย หรือโดยการเล็งเห็นประโยชน์ของแนวคิดนี้อย่างแท้จริง ทำให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทยมีความตื่นตัวและหันมาสนใจที่จะนำแนวคิดนี้มาปฏิบัติในองค์กร สิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่เพียงแต่การจัดการโซ่อุปทานเท่านั้น แต่องค์กรต้องศึกษาสิ่งที่ตามมาคือ หลักการ คำย่อ และศัพท์ต่างๆ อีกมากมายที่ต้องให้ความสนใจ เช่น ERP (Enterprise Resource Planning), EDI (Electronic Data Interchange), ECR (Efficient Consumer Response), WMS (Warehouse Management System), 3PL (Third Party Logistics), VMI (Vendor Managed Inventory), SRM (Supplier Relationship Management), CRM (Customer Relationship Management), QRM (Quick Response Manufacturing), Cross Docking, B2B (Business to Business), B2C (Business to Customer) และอื่นๆ อีกมากมาย ส่งผลให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทยยิ่งทวีความตื่นตัว
การบริหารงานขององค์กรธุรกิจจึงต้องมีความสามารถในการบริหารงาน และดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นและอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และการดำเนินงานขององค์กรธุรกิจ Supply Chain Management (SCM) จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนทั้งในด้านทรัพย์สิน บุคลากร หรือเทคโนโลยีต่างๆ ที่อาจเกิดความเสื่อมค่าล้าสมัยได้ตลอดเวลา
ผู้ประกอบการที่จะสามารถจัดการโซ่อุทานให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีความสามารถใน 3 ส่วน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการจัดการโซ่อุปทาน ซึ่งประกอบด้วย
1) ความสามารถด้านโลจิสติกส์ (Logistics Skills)
2) ความสามารถด้านการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Alliance Skills)
3) ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Skills)
หากมองว่าการจัดการโซ่อุปทานเป็นการยกระดับขีดความสามารถของธุรกิจและอุตสาหกรรม ทักษะทั้งสาม ที่กล่าวข้างต้นจะช่วยสนับสนุนให้หลักการต่างๆ ที่จะนำมาซึ่งการประสบความสำเร็จในการจัดการโซ่อุปทาน ทั้งนี้การที่จะพัฒนาทักษะทั้ง 3 ส่วน เพื่อนำหลักการทางโซ่อุปทานมาใช้นั้น มิใช่ว่าจะมีแบบแผนการเริ่มต้นสำเร็จรูปหรือทุกองค์กรสามารถทำได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับลักษณะขององค์กร รวมถึงความพร้อมที่จะพัฒนาสู่โซ่อุปทาน
SMEs ในประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่และสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละจำนวนมาก ในขณะที่ SMEs กำลังให้ความสนใจที่จะพัฒนาสู่การจัดการโซ่อุปทาน สิ่งที่น่าจะคำนึงถึงคือ ความพร้อมขององค์กร และขั้นตอนในการเริ่มต้นที่จะสร้างโซ่อุปทาน ในการเริ่มต้นนั้นมิใช่การนำหลักการต่างๆ ในโซ่อุปทาน เช่น ECR, CRM หรือ EDI มาใช้ แต่เป็นการเริ่มโดยสำรวจตนเองก่อน โดยพิจารณาว่าองค์กรเราเป็นส่วนใดในโซ่อุปทาน พันธมิตรทางธุรกิจควรจะเป็นใครบ้าง รวมถึงเรามีศักยภาพระดับใดในการจัดการโซ่อุปทาน จากการประเมินสถานการณ์ของ SMEs ไทยแล้ว มักจะเติบโตโดยการสร้างและมุ่งเน้นปัจจัยการผลิต แต่ไม่ค่อยคำนึงถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งการคำนึงถึงประสิทธิผลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถนำไปสู่การจัดการโซ่อุปทานให้ประสบความสำเร็จได้
ประเทศไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนอดย่อม (SMEs) อยู่เป็นจำนวนมากซึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญๆ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนังและรองเท้า และอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้มีลักษณะเหมาะที่จะนำระบบ Supply Chain Management เข้ามาช่วยในการบริหารธุรกิจคือ
1) เป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง
2) ความต้องการสินค้าของลูกค้ามีความหลากหลาย และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
3) ผลิตภัณฑ์/สินค้ามีวงจรชีวิตสั้น จะเห็นได้ว่าการนำระบบการจัดการ Supply Chain เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขัน ได้ในตลาดโลก โดยเฉพาะการแข่งขันเพื่อครองตลาดต่างประเทศให้ได้ในอนาคต
ดังนั้นสิ่งที่เป็นช่องว่างของ SMEs ในขณะนี้คือ การพัฒนากระบวนการทำงานให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะพัฒนาข้ามไปสู่โซ่อุปทาน การนำหลักการใดหลักการหนึ่งในโซ่อุปทานมาประยุกต์ใช้หรือแม้แต่การลงทุนซื้อเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในองค์กร โดยมุ่งหวังว่าจะพัฒนาสู่โซ่อุปทาน ซึ่งจะยิ่งเป็นการเพิ่มโจทย์ให้กับองค์กรในการสร้างระบบพร้อมปรับกระบวนการทางธุรกิจให้เข้ากับหลักการใหม่นี้อีกด้วย ดังที่จะอธิบายให้เห็นจากตัวอย่างกรณีศึกษาดังต่อไปนี้
ตัวอย่างกรณีศึกษา การตัดสินใจเลือกใช้ 3PL (Third Party Logistics) มาพัฒนาในธุรกิจ SMEs
ในการเก็บวัสดุคงคลังและกระจายสินค้า ดังเช่นหลายๆ บริษัทใหญ่ปฏิบัติ แนวทางการใช้ 3PL ทำหน้าที่เป็นศูนย์กระจายสินค้านี้ สามารถลดค่าใช้จ่ายการเก็บวัสดุคงคลังและการจัดการการขนส่งลงได้จำนวนมาก หากแต่สิ่งที่ SMEs ควรคำนึงถึงคือ ขนาดของธุรกิจของตนนั้นเหมาะหรือไม่ในการใช้แนวปฏิบัตินี้ การลงทุนว่าจ้าง 3PL ในการจัดการกระจายสินค้าหรือทำ Cross Docking นั้น สมดุลกับค่าใช้จ่ายที่ลดลงหรือไม่ ในทางปฏิบัติศูนย์กระจายสินค้าที่จะเกิดขึ้นในโซ่อุปทานสำหรับ SMEs นั้น น่าจะเกิดจากการรวมตัวกันของ SMEs ที่จะใช้ศูนย์กระจายสินค้าร่วมกัน หรือแม้กระทั่งการสนับสนุนจากภาครัฐให้ SMEs สามารถใช้ศูนย์กระจายสินค้าร่วมกันและช่วย SMEs ให้ดำเนินธุรกิจไปอย่างครบวงจรมากขึ้นได้มากกว่า
ในลักษณะเดียวกันนี้ การลงทุนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง สำหรับ SMEs การเลือกใช้ 4PL (Fourth Party Logistics) ซึ่งเป็น Logistics Provider จัดการด้านข้อมูลต่าง ๆ และเชื่อมโยงกันระหว่างองค์กรให้นั้น จึงเป็นสิ่งที่ควรจะพิจารณา และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อให้ SMEs สามารถติดต่อระหว่างกัน หรือติดต่อกับบริษัทในต่างประเทศได้โดยมิต้องเสียค่าใช้จ่ายลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในแต่ละองค์กร
จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จะพบว่าสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ประเทศไทยโดยรวมแล้ว การจัดการโซ่อุปทานที่ดีจะนำมาซึ่งการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน แต่สิ่งสำคัญที่จะต้องนำมาพิจารณา คือ ความเหมาะสมของสภาพองค์กร ซึ่งต้องพิจารณาถึงการพัฒนาปัจจัยพื้นฐาน และความสามารถในองค์กรของตนเอง กล่าวคือ การจะนำหลักการแต่ละตัวมาใช้และทำให้เกิดขึ้นจริงในองค์กรและระหว่างองค์กรนั้น องค์กรจะต้องมีความพร้อมทั้งในระดับนโยบาย และการดำเนินการ โดยการสนับสนุนหลักจะมาจากความร่วมมือระหว่างแผนกในองค์กรเดียวกัน หรือระหว่างองค์กร การนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการดำเนินการ รวมถึงการบริหารจัดการในแต่ละกิจกรรมของการดำเนินธุรกิจด้วย
[...] อ่านต่อ [...]
dialect@shivered.truth” rel=”nofollow”>.…
ñýíêñ çà èíôó!!…
distracting@symbols.ehlers” rel=”nofollow”>.…
áëàãîäàðþ….
commission@those.fairness” rel=”nofollow”>.…
thanks….
birches@unbearably.tammany” rel=”nofollow”>.…
ñïàñèáî çà èíôó….
rue@hearty.tableau” rel=”nofollow”>.…
ñýíêñ çà èíôó….
tillies@trumbull.ottauquechee” rel=”nofollow”>.…
ñïñ!!…
worshiped@unconstitutional.lowliest” rel=”nofollow”>.…
ñýíêñ çà èíôó!…
tentatively@stampede.openly” rel=”nofollow”>.…
ñïàñèáî çà èíôó….
beginning@salesman.sweathruna” rel=”nofollow”>.…
áëàãîäàðñòâóþ!!…
dressings@tipped.shartzers” rel=”nofollow”>.…
ñýíêñ çà èíôó!…
Best Private Proxies…
I found a great……
DreamProxies…
I found a great……
Paid Proxies…
I found a great……
Carlotta Linford…
I found a great……
Cheap Proxies Buy…
I found a great……
Buy Best Proxies…
I found a great……
Buy Private Proxies…
I found a great……