จิ๊กซอว์สับปะรดสีชมพู

เช้าวันอาทิตย์เป็นเช้าที่ดีที่สุด เชื่อว่าทุกคนที่มีวันหยุดจะรู้สึกดี เป็นวันที่เป็นส่วนตัวเพื่อการพักผ่อน เปิดวิทยุฟังสบายๆ ได้ยินคนพูดกันเยอะมากเหมือนกันเรื่องการเปลี่ยนแปลง เราต้องเปลี่ยน เป็นหัวข้อที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาใช้ในการหาเสียง จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเราอยู่ในสถานะการณ์หนึ่งๆ ที่ต้องการเห็นอะไรบางอย่างดีขึ้น เราก็ต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เพราะถ้าทำทุกอย่างเหมือนเดิมแล้ว แน่นอนที่สุดว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็จะต้องเหมือนเดิม มีนักจัดรายการท่านหนึ่ง ท่านพูดได้น่าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องรู้ว่า จะเปลี่ยนอะไร จะเปลี่ยนอย่างไร หลังจากเปลี่ยนแล้วจะได้อะไร ทั้งหมดเป็นคำถาม แล้วคำตอบอยู่ที่ไหน ใช่มาจากความคิด ความรู้ การอ่าน การฟัง แล้วค่อยมาคิดออกแบบว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร เปลี่ยนตรงไหนให้เหมาะสม
ท่านบอกว่าเราต้องฉลาดที่จะเปิดรับ บันทึก และประมวลเรื่องราวให้เป็นประโยชน์ ท่านใช้คำได้เก๋ไก๋แทนว่า “ซอฟต์แวร์ความคิด” คุ้นๆว่าเป็นภาษาคอมพิวเตอร์แต่ก็สะท้อนความหมายดี หมายถึงคิดและวิเคราะห์ แล้วความคิดนั้นบอกให้ทำอะไร ออกมาเป็นคำสั่ง แล้วก็จะรู้ว่าต้องเปลี่ยนอะไร แล้วต้องบวกกับการเปิดใจ การปรับทัศนคติ และยอมรับที่จะเปลี่ยนด้วย เพราะเมื่อทัศนะเราเป็นบวกแล้ว ก็จะทำอะไรได้ง่ายขึ้น ทราบกันดีว่าทุกการเปลี่ยนแปลงจะมีเรื่องของการไม่ยอมรับ เป็นอุปสรรคที่ยากที่สุด ก็ต้องหาวิธีคิดที่ดีอย่างเป็นเหตุเป็นผลมาสนับสนุนให้ยอมรับก็จะช่วยได้
มีเรื่องราวดีๆมากมายจากการฟังวิทยุ เค้าพูดถึงความจริงที่มนุษย์ทุกคนหลีกไม่พ้นแน่ๆ ใกล้ตัวจริงๆและน่าสนใจเพราะฟังแล้วอยากรู้ว่ามันคืออะไร เค้าบอกว่าข้อแรกคนเราต้องแก่ อ้าวทุกคนก็ต้องแก่ รู้แล้ว ข้อสองคนเราต้องเจ็บ คิดในใจว่าข้อสามทุกคนต้องตายแน่ๆ ฟังแล้วถูกจริงๆด้วยสิ ผ่านไปสามข้อ แก่ เจ็บ ตาย รู้ๆอยู่ มาถึงข้อสี่ เค้าบอกว่าทุกคนต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น อันนี้ย้อนคิดอดีต มีตัวอย่างเยอะและยังคงต้องเจออยู่ ข้อห้าทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง ใช่เลยเตือนสติให้สร้างความดีไว้มากๆ
แล้วทั้งห้าข้อนี้เค้ากำลังจะบอกอะไรกับเรา ก็กำลังปรับภาพความจริงให้ชัดมากยิ่งขึ้น เพื่อเตือนสติเรา ให้เรารับรู้อย่างเข้าใจ ให้เราพร้อมยอมรับสิ่งที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขความจริงห้าประการนี้ ให้เราตระหนักให้มากยิ่งขึ้น เพราะจะช้าหรือเร็วก็ต้องเกิด ไม่มีการต่อรองใดๆได้เลย และเมื่อวันนั้นมาถึงแล้ว เราจะต้องมีสติที่จะประคองและรักษาสมดุลของความเป็นคน และสามารถรักษาชีวิตให้อยู่รอด กลับมาเป็นปกติสุขให้เร็วที่สุด เป็นข้อคิดที่ทำให้เราไม่ประมาทอย่างดีทีเดียว ซึ่งความไม่ประมาทนั้นก็หมายถึงการรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ แบบรู้สึกตัวทุกขณะแม้กระทั่งตัวเราที่กำลังอ่านและคิดอยู่ในขณะนี้
เชื่อว่าผู้คนตามยุคสมัยมีความฉลาดในการบริโภคข่าวสารและรอบรู้มากขึ้น เพราะโลกเรามีระบบข้อมูลที่เชื่อมถึงกันทางอินเตอร์เน็ต อยากจะลองคิดอะไรสนุกๆดู จะดีไหมถ้ามีเรื่องราวที่เกี่ยวกับชีวิตคนเรา ในแง่มุมหนึ่งในอินเตอร์เน็ต บางคนอาจค้นหาว่าเราเกิดมาทำไม ก็เกิดมาเพราะความไม่รู้ และตอนนี้เกิดมาแล้ว เรามาคิดกันดีกว่าว่าจะทำอะไรดี จะได้ลงมือออกแบบสิ่งที่อยากทำ ก่อนที่จะสายเกินไป เพราะความจริงทั้งห้ารอเราอยู่ เป็นเงื่อนไขชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้ สมมุติว่าสิ่งที่เราทำแต่ละเรื่อง เป็นสิ่งที่จะต้องนำมาต่อๆกัน ก็เลยนึกถึง ผลสับปะรดขึ้นมา

โดยเฉพาะที่เปลือกของมัน มีลักษณะเป็นชิ้นๆต่อกันรายล้อมรอบผล จริงๆแล้วสับปะรดเป็นพืชปลูกง่าย นิยมปลูกกันทั่วทุกภาค มีความอดทนและเติบโตได้ง่าย สรรพคุณก็มีมาก เช่น แก้กระหาย มีเอ็นไซม์ช่วยย่อยโปรตีน แก้ท้องผูกและมีวิตามินซีสูง มีประโยชน์เยอะ จนคนพูดติดปากที่ได้ยินอยู่บ่อยๆว่า โธ่เอ๊ย..ไม่เป็นสับปะรดเลย ก็คือไม่ได้เรื่องเลย แต่เรากำลังเปรียบแบบตรงๆ คือว่า คนที่ทำอะไรได้ อะไรเป็น อะไรถูก อะไรดี ก็เป็นสับปะรด เพราะเราจะสร้างภาพเป็นจิ๊กซอว์สับปะรดกัน เราก็จะนิยามว่า แต่ละชิ้นของเปลือกสับปะรดใช้แทน ความคิดดีๆ การกระทำดีๆ พฤติกรรมดีๆ นิสัยดีๆ เช่น การทำหน้าที่ ดูแลรับผิดชอบตัวเองดี การทำประโยชน์ให้กับคนรอบข้าง ทำประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติ บริจาคทำบุญเข้าวัด ปฏิบัติธรรม เกื้อกูลศาสนา การให้อภัยผู้อื่น พูดจาดีๆ
แต่ถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลยก็ไม่เป็นสับปะรด แล้วออกแบบสีพื้นประกอบภาพของเราเพื่อความสวยงาม ก็จะใช้เรื่องของความสุขสดชื่นอารมณ์ดี ความรู้สึกดีๆสบายๆ แทนด้วยสีชมพู เพราะสีชมพูหมายถึงความสุข ความรัก ความงดงาม และความอ่อนโยน นอกจากนั้นก็รวมถึงความสงบเย็น ความปิติ ความยินดีกับผู้อื่น ความเอื้ออาทร แต่เมื่อไรที่โกรธโมโห หงุดหงิดอารมณ์เสีย มีความทุกข์คับแค้นในใจ พยาบาทอาฆาตผู้อื่น ท้อแท้หมดหวัง ก็เป็นสีอื่น ไม่ใช่สีชมพู
มีไหมที่เคยได้ยินว่า โอ๊ย..เสียดายจัง รู้อย่างนี้ทำเสียตั้งแต่แรกดีกว่า หรือ ถ้า…จนหมดเวลา บางคนอยากทำดี พูดดี ขอโทษดีๆ แต่ก็ไม่ได้ทำจนสายเกินไป แล้วต้องมานั่งเสียใจทีหลัง ได้แต่คิดว่า เราน่าจะมีความกล้ามากกว่าเอาแต่กลัว เราน่าจะพูดดีๆกับเค้าแทนที่จะทะเลาะกัน เราน่าจะฟังมากๆเพื่อเข้าใจกันมากขึ้น การมองเห็นความจริงเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก โดยเฉพาะโลกที่เราอาศัยอยู่ในยุคนี้ได้เดินมาไกลเกินธรรมชาติและความเป็นจริงมากขึ้นทุกที มนุษย์ศึกษาและคิดค้นการเอาชนะธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา แม้ไม่เคยชนะ จะดีกว่าไหมถ้าเราจะหันมาเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพื่อเผชิญหน้าและรับมือกับความจริงห้าประการอย่างไม่ต้องหนีอีกต่อไป กลับมาทบทวนตัวเราเองว่ามีสิ่งใดยังไม่ได้ทำบ้าง จะได้ลงมือทำก่อนที่จะสายเกินไป
เมื่อผู้คนรุ่นหลังคลิ๊กเข้ามาในอินเตอร์เน็ต หาอ่าน หาดู ก็จะพบจิ๊กซอว์สับปะรดสีชมพูของเราที่มีจิตใจเบิกบานผ่องใส ประกอบไปด้วยคุณความดีกับตัวเองและเป็นประโยชน์กับผู้อื่น นั่นก็หมายถึง เราได้ทำหน้าที่ ของเราได้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ กลายเป็นจิ๊กซอว์สับปะรดสีชมพู เป็นคำตอบที่ว่าเกิดมาแล้วทำอะไรดี

You can leave a response, or trackback from your own site.

Leave a Reply