จากตอนที่ 1 พบว่าการค้าตามแนวชายแดนถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อการค้าระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา เมื่อพิจารณามูลการส่งออกตั้งแต่ปี 2547 พบว่าการส่งออกของประเทศไทยผ่านแนวชายแดนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นปี 2552 โดยด่านที่มีการส่งออกไปยังกัมพูชามากที่สุดได้แก่ ด่านฯ อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ที่มีสัดส่วนการส่งออกถึงร้อยละ 49.9 ของการส่งออกทั้งหมดที่ไปยังประเทศกัมพูชา รองลงมาได้แก่ด่านฯ คลองใหญ่ จังหวัดตราด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.8 ของการส่งออกทั้งหมดที่ไปยังประเทศกัมพูชา ดังนั้นจะเห็นได้ว่า มูลค่าการส่งออกโดยรวมของทั้ง 2 ด่านนั้นมีสัดส่วนสูงถึงกว่าร้อยละ 90 ดังนั้นจึงถือเป็นด่านที่มีความสำคัญสำหรับการส่งออกสินค้าไปยังประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่สนใจไปลงทุนในกัมพูชา ขณะนี้ถือเป็นโอกาสทอง เนื่องจากกัมพูชามีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูงและความต้องการในการพัฒนาประเทศมีมากขึ้น โดยเฉพาะทางด้านการคมนาคมขนส่ง
อย่างไรก็ตามเมื่อประเทศไทยเห็นศักยภาพของการเติบโตของกัมพูชา ผมจึงถือเป็นโอกาสทองของนักลงทุนคนไทยที่จะไปเปิดตลาดในกัมพูชา จากงานวิจัยที่ได้ทำการสำรวจในกัมพูชา พบว่าคนกัมพูชาชอบสินค้าไทยมากกว่าสินค้าเวียดนามหรือจีน เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่าทั้งสองประเทศที่กล่าวมา ปัญหาเดียว ณ ขณะนี้คือปัญหาพรมแดนของทั้งสองประเทศ ซึ่งผมอยากให้ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าวและเจรจาความร่วมมือมากกว่าการใช้กำลัง ซึ่งจะมีผลถึงพี่น้องคนไทยที่อาศัยบนชายแดนทั้งหมด ผมได้มีโอกาสเข้าไปในกัมพูชาถึง 3 ครั้ง โดยผ่าน อบต. บ้านป่าไร่ ซึ่งแต่ละครั้งได้ความร่วมมืออย่างดียิ่งระหว่างผู้นำท้องถิ่นของทั้งสองประเทศในการเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ของเขตเศรษฐกิจพิเศษของทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตามสิ่งที่จังหวัดสระแก้วต้องเร่งปรับปรุงในแผนระยะสั้นและดำเนินการก่อนคือ
1. อุปสรรคที่เกิดที่หน้าด่าน
ในปัจจุบันมีการขนส่งสินค้าทางถนนข้ามแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ส่วนใหญ่จะเป็นไปในรูปแบบการขนส่งจากไทยไปยังกัมพูชา โดยจะเป็นการขนส่งสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง การขนส่งสินค้าไปยังฝั่งกัมพูชาส่วนใหญ่จะมีระยะห่างจากบริเวณชายแดนไทยเข้าไปยังกัมพูชาไม่เกิน 2-5 กิโลเมตรเท่านั้น จากสถิติพาหนะเข้า – ออกของรถบรรทุกบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ มีปริมาณจำนวนรถบรรทุกที่ผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกมีปริมาณวันละ 100 คัน (ข้อมูลปีปัจจุบัน) โดยในปี 2553 (ระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม 2553) พบว่า มีจำนวนเดินทางเข้าจำนวน 29,324 คัน เดินทางออกจำนวน 29,694 คัน ดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 สถิติพาหนะเดินทางเข้า-ออกของรถบรรทุก บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก
หน่วย:คัน
เดือน
หน่วย:คัน พ.ศ. 2550 พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2552 พ.ศ. 2553
เข้า ออก เข้า ออก เข้า ออก เข้า ออก
มกราคม 3,687 3,707 4,769 4,798 2,607 2,632 3,127 3,174
กุมภาพันธ์ 3,938 3,954 4,241 4,282 3,461 3,483 3,790 3,782
มีนาคม 4,810 4,676 5,229 5,236 4,076 4,092 4,486 4,565
เมษายน 5,554 5,528 4,008 4,129 2,753 2,775 3,156 3,199
พฤษภาคม 4,727 4,768 4,727 4,855 3,818 3,844 4,163 4,228
มิถุนายน 4,596 4,592 4,793 4,767 3,472 3,476 3,603 3,646
กรกฎาคม 3,824 3,819 3,882 3,902 3,207 3,232 3,489 3,560
สิงหาคม 4,378 4,385 3,637 3,644 3,167 3,167 3,510 3,540
กันยายน 4,541 4,557 2,718 2,720 2,849 2,891 - -
ตุลาคม 3,924 3,831 2,961 2,955 2,910 2,910 - -
พฤศจิกายน 4,059 4,097 2,857 2,876 3,189 3,169 - -
ธันวาคม 4,070 4,069 2,984 2,987 3,394 3,390 - -
รวม 52,108 51,983 46,806 47,151 38,903 39,061 29,324 29,694
ที่มา: ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว
ปัญหาการขนส่งสินค้าทางถนนบริเวณหน้าด่านบ้านคลองลึก ได้แก่ ปัญหาการจราจรติดขัด รถบรรทุกสินค้ายังเคลื่อนที่ได้ช้า เพราะถนนมีลักษณะทางกายภาพที่ไม่เหมาะสมกับการขนส่งสินค้าโดยใช้รถบรรทุก เช่น ความกว้างของช่องจราจรที่แคบเกินไป นอกจากนั้นปัญหาที่จอดรถและการขนถ่ายสินค้าที่ไม่มีพื้นที่รองรับสำหรับเพื่อรอการขนส่งข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชา ส่งผลต่อการจราจรของรถยนต์ประเภทอื่นๆ และประชาชนในบริเวณดังกล่าว เช่น พ่อค้าแม่ค้าที่ทำธุรกิจบริเวณตลาดโรงเกลือ นักท่องเที่ยว ปัญหาดังกล่าวได้ผลให้เกิดความล่าช้าขึ้น รวมทั้งทัศนียภาพในบริเวณดังกล่าวด้วยเช่นกัน
สำหรับการลงพื้นที่สำรวจปัญหาและอุปสรรคของการจราจรบริเวณหน้าด่าน พบว่า
1. สภาพพื้นที่ของการจราจรค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมีผู้ประกอบการ/นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาบริเวณตลาดโรงเกลือ หรือเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวยังประเทศกัมพูชา รวมทั้งมีรถบรรทุกสินค้าของไทยที่จะผ่านแดนเพื่อนำสินค้าไปส่งในฝั่งของประเทศกัมพูชา ทำให้การจราจรในช่วงเวลาเช้าประมาณ 10.00-12.00 น. เกิดความคับคั่ง ส่งผลทำให้ยานพานะต่างๆ ที่เข้ามาบริเวณดังกล่าวสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ
2. การขนส่งสินค้าทางถนนไปยังประเทศกัมพูชานั้น รถบรรทุกของไทยที่จะเดินทางเข้าไปส่งสินค้านั้น ต้องรอทำพิธีการต่างๆ สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งในระหว่างการรอเอกสารนั้น สถานที่ที่รถบรรทุกทำการจอดรอก็คือบริเวณไหล่ทางการจราจรเพื่อเข้าตลาดโรงเกลือ หรือบริเวณที่ว่างต่างๆ บริเวณนั้น ซึ่งมีระยะทางที่จอดต่อกันประมาณ 2-3 กิโลเมตร
3. เนื่องจากไม่มีการแยกช่องทางระหว่างการเดินทางของคนกับการขนส่งสินค้าบริเวณจุดผ่านแดน ทำให้เกิดความพลุกพล่าน ปะปน และสับสน รวมทั้งส่งให้รถบรรทุกสินค้าที่จะเดินทางเข้าไปส่งสินค้ายังฝั่งประเทศกัมพูชาเคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ เพราะต้องระมัดระวังที่จะเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนผู้คนที่เดินทางอยู่ในบริเวณนั้น
4. เวลาที่ศุลกากรของประเทศกัมพูชาเปิดให้รถบรรทุกสินค้าของไทยเดินทางเข้าไปส่งสินค้า คือเวลา 10.00 น. เป็นต้นไป เนื่องจากทางศุลกากรของประเทศกัมพูชาต้องการให้ประชาชน หรือนักท่องเที่ยว ได้เดินทางเข้าออกบริเวณด่านให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงจะเปิดให้รถบรรทุกสามารถเข้ามาส่งสินค้าในประเทศกัมพูชาได้ เมื่อใกล้ถึงเวลาดังกล่าวรถบรรทุกที่ผ่านพิธีการศุลกากรแล้วจะค่อยๆ ขับเคลื่อนรถบรรทุกเข้ามาอย่างช้าๆ เนื่องจากที่จุดผ่านแดน คนขับรถต้องจอดรถแล้วลงมาแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อทำการตรวจเอกสารและหนังสือเดินทาง แล้วจึงสามารถนำรถผ่านแดนไปได้ สำหรับระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจสอบเอกสารใช้เวลาประมาณ 3 นาทีต่อคัน ส่งผลให้การจราจรบริเวณหน้าด่านเกิดความคับคั่งของรถบรรทุกที่ขับเคลื่อนเข้ามาต่อแถวคอยสำหรับรอตรวจปล่อยเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. นั้น มีจำนวนรถบรรทุกต่อแถวคอยถึงประมาณ 40 คัน ทำให้ระยะทางของแถวยาวไปถึงประมาณ 2-3 กิโลเมตร
5. จากความล่าช้าดังกล่าวสามารถคำนวณค่าเฉลี่ยของความล่าช้าของแต่ละคัน ได้ความล่าช้าประมาณ 35 นาทีต่อคัน สำหรับความล่าช้าที่ได้นั้นสามารถนำไปคำนวณหาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้จาก ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้า = ความล่าช้า x มูลค่าของเวลา (อ้างอิงจากโครงการศูนย์ข้อมูลและแบบจำลองด้านการจราจรและขนส่ง (ระยะที่ 2) ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยใช้ข้อมูลค่าใช้จ่ายรถบรรทุกพ่วงที่มีความเร็ว 10 กม./ชม. มีค่าเท่ากับ 31.17 บาท/กิโลเมตร หรือนาทีละ 5.20 บาท) ดังนั้น ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าที่คำนวณได้ (ต่อคัน) เท่ากับ 30 x 5.20 = 182 บาท
ปริมาณการจราจรโดยเฉลี่ยที่ผ่านแดนบ้านคลองลึกมีปริมาณเฉลี่ยวัน 125 คัน (ข้อมูลปีปัจจุบัน) ดังนั้นค่าใช้จ่ายเนื่องจากความล่าช้าที่เกิดขึ้นมีค่าเท่ากับ 22,750 บาทต่อวัน หรือปีละ 8,303,750 บาท
ดังนั้นจากการรวบรวมข้อมูลของผู้วิจัยข้างต้น มีความสอดคล้องกับการสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการขนสินค้าผ่านแดน ที่เห็นว่า พื้นที่บริเวณจุดผ่านแดนบ้านคลองลึกไม่มีสถานีขนถ่ายสินค้า หรือจุดพักรถเพื่อรอสำหรับข้ามแดน เมื่อรถบรรทุกสินค้ามาถึงบริเวณหน้าด่านแล้ว จะใช้บริเวณไหล่ทางจราจรบริเวณตลาดโรงเกลือจอดรถเพื่อรอเอกสารที่ใช้สำหรับการข้ามแดนจากตัวแทนของบริษัท หลังจากนั้นคนขับรถบรรทุกก็จะค่อยๆ ขับรถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เพื่อต่อแถวที่จะผ่านด่านนำสินค้าไปส่งยังจุดหมายปลายทางในประเทศกัมพูชา โดยช่องทางดังกล่าวประชาชนหรือนักเที่ยวที่ต้องใช้ช่องทางดังกล่าวในการผ่านแดนเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัญหาการจราจรบริเวณด่านชายแดนสาเหตุหลักนั้นเกิดจากความคับคั่งของด่าน ทำให้รถบรรทุกสินค้าต้องจอดรอเพื่อรอการตรวจปล่อยที่มีจำนวนมาก จากสภาวการณ์การขนส่งในปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการจราจรบริเวณหน้าด่านชายแดน ซึ่งต้องมีการปรับปรุงระบบการให้บริการและให้มีลานจอดรอสำหรับรถบรรทุก หรือมีจุดขนถ่ายสินค้า ก็อาจช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ยังมีประเด็นปัญหาที่สำคัญที่อาจจะถูกมองข้ามและถูกละละเลยไป ซึ่งควรให้ความตระหนักถึงด้วยเช่นกัน ได้แก่ ปัญหามลภาวะทางอากาศที่เกิดจากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถบรรทุก โดยการขนส่งสินค้าทางรถบรรทุก 1 ตันต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร มีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา 0.35 กิโลกรัม และปัญหามลภาวะทางเสียง ความสั่นสะเทือน ที่เป็นปัญหาทางอ้อมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน หรือชุมชนในบริเวณดังกล่าวด้วยเช่นกัน
จากปัญหาเร่งด่วนดังกล่าวทำให้ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาความคับคั่งการจราจร พบว่าต้องทำการแยกด่านพิธีการศุลกากรขนสินค้ากับด่านคนออกจากกัน ซึ่งผู้วิจัยได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบพื้นที่ทั้งหมด 5 พื้นที่และปัจจัยที่ส่งผลกระทบแต่ละพื้นที่ การสร้างแค่ด่านใหม่ไม่ใช่ประเด็นสุดท้ายที่ผู้วิจัยศึกษาแต่ประเด็นที่สำคัญอยู่ที่การสร้างโอกาสให้กับจังหวัดสระแก้วต้องเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในอนาคต ผมหวังว่าผู้อ่านคงต้องติดตามโดยเฉพาะนักลงทุนที่สนใจไปลงทุนในกัมพูชา หรือถ้าใจร้อนเขียน email ถึงผม wanchai_rat@utcc.ac.th
gallop@downtalking.exact” rel=”nofollow”>.…
hello!…
heisted@fitful.hunches” rel=”nofollow”>.…
tnx for info!!…
ross@lovering.preening” rel=”nofollow”>.…
ñïñ!…
evermounting@instability.peccadilloes” rel=”nofollow”>.…
ñïñ çà èíôó!…
asch@embodiments.identity” rel=”nofollow”>.…
ñïñ….
Best Private Proxies…
I found a great……
Bulk Private Proxies…
I found a great……
The Best Proxy…
I found a great……