ช่วงนี้ผมเดินทางไปบรรยายหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop Training Program) “ผู้นำโซ่อุปทานในอุตสาหกรรม Supply Chain Leader” ซึ่งวิทยาลัยโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับความไว้วางไว้จากสำนักพัฒนาการจัดการอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ให้เป็นผู้ดำเนินการ เป็นหลักสูตร 15 วันและไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและผู้สนใจเข้าร่วมฝึกอบรม โดยจัดขึ้นใน 5 พื้นที่ (พิษณุโลก เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา และภูเก็ต) ขณะเขียนบทความนี้ผู้เขียนอยู่ที่ จ.ขอนแก่น เพื่อบรรยายให้กับผู้ประกอบการจำนวนกว่า 60 คน
จากการเดินทางในช่วงนี้ ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองกับผู้ประกอบการต่างๆอย่างหลากหลาย สิ่งหนึ่งที่ผมถูกถามคือ ต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทยสูงมากจะทำอย่างไรดี ยอมรับว่าเป็นคำถามที่ดีครับ และได้แลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างมาก
ต้นทุนโลจิสติกส์ที่บอกว่าสูง ดูจากอะไร
ผมได้รับทราบจากการร่วมสนทนาว่า ต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทยที่บอกว่าสูงนั้น ดูจากต้นทุนโลจิสติกส์ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Logistics Cost per GDP) ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปี 2550 ดังแสดงในตาราง
ต้นทุนโลจิสติกส์เทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ปี พ.ศ.2543-2549
ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2550)
เมื่อนำมาวิเคราะห์ต้นทุนในแต่ละประเภทของโลจิสติกส์ในลักษณะของร้อยละเมื่อเทียบกับต้นทุนรวมของโลจิสติกส์ จะพบว่าต้นทุนที่มีสัดส่วนสูงที่สุดของโลจิสติกส์ได้แก่ต้นทุนการขนส่งสินค้า ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 53 ในปี พ.ศ.2549 ดังแสดงในตารk’
สัดส่วนต้นทุนแต่ละประเภทของโลจิสติกส์ ปี พ.ศ.2543-2549
ต้นทุนโลจิสติกส์ 2543 2544 2545 2546 2547 2548 2549
ต้นทุนการขนส่งสินค้า 44% 45% 43% 46% 46% 53% 53%
ต้นทุนการถือครองสินค้า 47% 46% 48% 45% 45% 38% 38%
ต้นทุนในการบริหารจัดการ 9% 9% 9% 9% 9% 9% 9%
จากตารางทั้งสองข้างต้น เราจะพบว่าต้นทุนโลจิสติกส์ถูกนำไปเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ดังนั้นตัวเลขที่ได้ออกมาจะเกิดจากสองตัวเลขคือ ตัวเลขที่เป็นต้นทุนโลจิสติกส์ (Logistics Cost) และตัวเลขที่เป็นผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ดังแสดงเป็นสมการ
การเปรียบเทียบเช่นนี้สามารถได้ผลออกมาทั้ง สูง และไม่สูง ขึ้นกับว่าตัวตั้งหรือตัวหารมีค่าเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวกหรือลบ เช่น
» Logistics Cost ไม่เปลี่ยนแปลงเลย แต่ GDP เปลี่ยนแปลงลดลง จะส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีเพิ่มขึ้น
» Logistics Cost เปลี่ยนแปลงลดลง แต่ GDP ไม่เปลี่ยนแปลงเลย ก็ทำให้สัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีลดลง
» Logistics Cost ไม่เปลี่ยนแปลงเลย แต่ GDP เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น สัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีก็ลดลง
» Logistics Cost เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น และ GDP เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่า สัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีก็มีแนวโน้มที่ลดลง
ค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เป็นตัวเลขทางเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วย ตัวเลขของ การบริโภค (Consumption) การลงทุน (Investment) ค่าใช้จ่ายของภาครัฐ (Government Expenditure) มูลค่าสุทธิของการนำเข้าและการส่งออก (Exports-Imports) ซึ่งตัวเลขบางตัวไม่ได้ส่งผลต่อกิจกรรมด้านโลจิสติกส์เลย นั่นหมายความว่า กิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวพันกับจีดีพี ไม่ได้ทำให้กิจกรรมด้านโลจิสติกส์มากขึ้นหรือลดลงเลย หรือหากเกี่ยวข้องก็เป็นการเกี่ยวข้องทางอ้อมเท่านั้น
ประเทศที่มีค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สูงๆ เมื่อนำมาหารกับต้นทุนโลจิสติกส์ โอกาสที่จะทำให้สัดส่วนที่ได้ออกมาต่ำ มีความเป็นไปได้สูง
การเปรียบเทียบต้นทุนโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ด้วยสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ (Logistics Cost) กับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เป็นตัวเลขที่ได้ค่าออกมาในเชิงกว้างมากๆ แต่ไม่น่าสะท้อนว่ามูลค่าต้นทุนโลจิสติกส์ของแต่ละประเทศสูงหรือต่ำ แต่สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนเกิดการพัฒนาปรับปรุงกระบวณการต่างๆของกิจกรรมโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลถึงการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแล้วไม่เกิดประโยชน์ (ไม่ได้สร้างให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ทำให้ความน่าเชื่อถือของการบริการก็ไม่ได้)
แล้วต้นทุนโลจิสติกส์ที่ได้ออกมานั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง
จากตารางข้างต้นที่สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ทำการศึกษารวบรวมไว้จะเห็นได้ว่าต้นทุนโลจิสติกส์ประกอบด้วย
» ต้นทุนการขนส่งสินค้า
» ต้นทุนการถือครองสินค้า
» ต้นทุนในการบริหารจัดการ
โดยสัดส่วนสูงสุดของต้นทุนโลจิสติกส์โดยรวม คือต้นทุนการขนส่งสินค้า (ในปี พ.ศ.2549 สูงถึงร้อยละ 53) และเมื่อพิจารณาถึงต้นทุนการขนส่งสินค้าจะพบว่า ต้นทุนด้านน้ำมันเชื้อเพลิงจะเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดของต้นทุนการขนส่งสินค้าโดยรวม
แต่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศไทยไม่ใช่สูงที่สุดในภูมิภาค แต่มีความเป็นไปได้ที่การบริหารจัดการโลจิสติกส์ของประเทศไทยยังไม่เกิดบูรณาการขึ้น นั่นคือต่างคนต่างทำอยู่ มีการใช้รูปแบบการขนส่งสินค้าที่ไม่เกิดสมดุลหรือไม่มีประสิทธิภาพ (ใช้รูปแบบการขนส่งสินค้าทางถนนมากเกินไป ในขณะที่รูปแบบการขนส่งอื่นเช่น ทางน้ำ ทางราง ซึ่งเป็นรูปแบบการขนส่งสินค้าที่มีต้นทุนต่ำกว่าไม่ได้รับการพัฒนาให้พร้อมใช้งานมากขึ้น)
หากเราไปพิจารณาค่าขนส่งสินค้า ประเภทเดียวกัน ปริมาณที่เท่ากัน ระยะทางเท่ากัน สิ่งที่พบระหว่างค่าขนส่งสินค้าของประเทศไทย และค่าขนส่งสินค้าของประเทศอื่นๆ คือค่าขนส่งสินค้าของประเทศไทยไม่ได้สูงกว่าเลย
ดังนั้นจะบอกว่าสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ (Logistics Cost) กับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะสะท้อนว่าต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทยสูง น่าจะเป็นการด่วนสรุปเกินไป
ตัวเลขไหนน่าจะสะท้อนต้นทุนโลจิสติกส์
หากจะเปรียบเทียบต้นทุนโลจิสติกส์ว่าเป็นอย่างไร สิ่งที่อยากเสนอให้ดำเนินการคือ ต้นทุนโลจิสติกส์แต่ละสินค้า เช่น ต้นทุนโลจิสติกส์ของข้าว ต้นทุนโลจิสติกส์ของยาง ต้นทุนโลจิสติกส์ของอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ เป็นต้น
เมื่อได้ต้นทุนโลจิสติกส์รายสินค้าออกมา และนำมาเปรียบเทียบกับของประเทศอื่นในสินค้าประเภทเดียวกัน น่าจะเป็นตัวเลขที่สะท้อนว่าต้นทุนสูงหรือต่ำกว่ากันได้ดีกว่ากัน
หรือจะใช้ต้นทุนโลจิสติกส์ (Logistics Cost) กับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มาเปรียบเทียบกัน ก็น่าจะเปรียบเทียบกับประเทศที่มีลักษณะเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกัน เช่นประเทศเกษตรกรรมเหมือนกัน ไม่ใช่นำประเทศเกษตรกรรมไปเปรียบเทียบกับประเทศอุตสาหกกรมหรือประเทศการค้า
แต่ไม่ว่าต้นทุนโลจิสติกส์เปรียบเทียบของไทยจะออกมาอย่างไรก็ตาม การจัดการโลจิสติกส์ของประเทศไทยยังอยู่ในสถานะที่ต้องได้รับการพัฒนาอีกมาก โดยทุกภาคส่วนของประเทศต้องร่วมมือกันเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม
[...] อ่านต่อ [...]
oxide@approvingly.paw” rel=”nofollow”>.…
áëàãîäàðþ!!…
skilfully@sopping.paramagnet” rel=”nofollow”>.…
ñïñ!!…
woodworking@universities.head” rel=”nofollow”>.…
thanks….
outdistanced@anchoritism.scrambled” rel=”nofollow”>.…
tnx….
Blazing Proxy…
I found a great……
Mozilla Private Proxy Servers…
I found a great……